แสนสิริเปิดศึก‘บ้าน100ล้าน’กรุงเทพกรีฑาปัดฝุ่น‘เศรษฐสิริ’จับเศรษฐีใหม่
แสนสิริจ่อเปิดศึก‘บ้าน100ล้าน’ทำเลกรุงเทพกรีฑาชูจุดขายใกล้โรงเรียนนานาชาติ ประเดิมนำร่องปัดฝุ่นแบรนด์‘เศรษฐสิริ’ครั้งแรกในรอบ20ปีจับเศรษฐีใหม่ อินฟลูเอนเซอร์ บล็อกเกอร์ ยูทูปเบอร์ กำลังซื้อสูง
จากผลประกอบการครึ่งปีแรก “แสนสิริ” มียอดขายรวม 25,000 ล้านบาท มาจากโครงแนวราบ 14,000 ล้านบาท โดยรายได้ไตรมาสแรกมาจากแนวราบ 4,300 ล้านบาท ซึ่งมาจากเซ็กเมนต์ลักชัวรี 60% จากเดิมอยู่ที่ 40% สัดส่วนรายได้ลักชัวรีแซงกลุ่ม Affordable เป็นครั้งแรก!
อภิชาติ จูตระกูล ประธานกรรมการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แสนสิริ เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่มาคู่กับคนไทยถึง 39 ปี พัฒนากว่า 400 โครงการ มีลูกบ้านกว่า 30,000 ครอบครัว ซึ่งบ้าน “เศรษฐสิริ” เป็นหนึ่งในโครงการแฟลกชิปของแสนสิริที่อยู่มา 20 ปี ถึงเวลารีเฟรชแบรนด์!
“เศรษฐสิริ ยังคงเป็นแบรนด์ที่สะท้อนภาพความสำเร็จของผู้ที่ประสบความสำเร็จ ที่มีอายุน้อยลง มีอาชีพที่หลากหลายมากขึ้น ที่ผ่านมานิยามความสำเร็จแตกต่างกัน บางคนอาจชื่อเสียง ความร่ำรวย แต่ภาพความสำเร็จยุคนี้ ไม่ต้องโชว์สถานะทางการเงิน ไม่ต้องพูดไม่ต้องเล่า นั่นก็คือ บ้าน เป็นภาพสะท้อนของความสำเร็จ”
อาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ กล่าวเสริมว่า แนวโน้มตลาดบ้านเดี่ยวปีนี้ยังไปได้ดี จากปัจจัยบวก เช่น อัตราเงินเฟ้อของไทยที่ปรับลดลงต่ำกว่าที่ประเมินไว้ค่อนข้างเร็ว ภาพรวมการท่องเที่ยวฟื้นตัวเร็ว รวมถึงการขยายตัวของทำเลที่อยู่อาศัยจากการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายใหม่ ทำให้ตลาดบ้านเดี่ยวระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การเมือง ยังคงเติบโตดี!
สังเกตได้จาก 6 เดือนแรกของปีนี้บริษัทมียอดขาย 25,000 ล้านบาท หากเทียบ 6 เดือนปีที่แล้วอยู่ที่ 18,300 ล้านบาท โต 37% ถือว่า ค่อนข้างสูงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นมากกว่า 45% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ 55,000 ล้านบาท จากการเปิดตัวโครงการในกลุ่มลักชัวรีจาก 3 แบรนด์ ได้แก่ นาราสิริ พหล-วัชรพล ระดับราคา 30-80 ล้านบาท มียอดขาย 1,000 ล้านบาท ก่อนเปิดพรีเซลล์, บูก้าน กรุงเทพกรีฑา ยอดขาย 85% จาก48 ยูนิต, เศรษฐสิริ ดอนเมือง มียอดขาย 1,000 ล้านบาทในช่วงพรีเซลล์
"ช่วง 20 ปีที่ผ่านมาแบรนด์ “เศรษฐสิริ” เปิดตัว 30 โครงการ มูลค่ากว่า 70,000 ล้านบาท จากโครงการแรกสนามริมน้ำ ระดับราคา 7 ล้านบาท แต่ปัจจุบันโครงการเศรษฐสิริขยับราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 12-30 ล้านบาท เนื่องจากที่ดินแพงขึ้น หายากขึ้น บางโลเคชั่นขึ้นถึง 100% มากกว่าราคาค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นทำให้ราคาขายบ้านสูงขึ้น"
กลุ่มลูกค้าของเศรษฐสิริ เดิมอายุ 35-45 ปี เป็นเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ พนักงานระดับบริหาร รวมถึงอาชีพเฉพาะแพทย์ วิศวกร ทนาย นักลงทุน ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าอายุน้อยลง 25-45 ปี เพราะกลุ่มคนรุ่นใหม่ประสบความสำเร็จเร็วกว่าคนรุ่นเก่า ธุรกิจสมัยใหม่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็วไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่ขายของออนไลน์ ยิ่งในช่วงโควิด-19 รวมถึงกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ บล็อกเกอร์ ยูทูปเบอร์ต่างๆ มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง
“พฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนไป กลุ่มคนรุ่นเก่าจะมองความสำเร็จอยู่บนยอดขาย คนรุ่นใหม่มองอยู่ที่เนินเขาและไต่ไปเรื่อยๆ สำเร็จไปทีละขั้น มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแตกต่างออกไป ซึ่งไตรมาสแรกปี 2568 บริษัทมีแผนเปิดตัวบ้านเดี่ยวราคา 100 ล้านบาทขึ้นไปเป็นครั้งแรก บนทำเลกรุงเทพกรีฑา พื้นที่ 10 กว่าไร่ ติดมาร์เก็ตเพลส รองรับลูกค้าระดับลักชัวรีที่ให้ความสำคัญกับบ้านที่อยู่ใกล้โรงเรียนนานาชาติ”
ครึ่งปีหลัง บริษัทมีแผนเปิดแนวราบ 23 โครงการ มูลค่ารวม 40,700 ล้านบาท เป็นช่วงไตรมาส 3/2566 เปิดตัว 8 โครงการ มูลค่า 11,200 ล้านบาท และไตรมาส 4 จะเปิดตัว 15 โครงการ มูลค่ารวม 29,500 ล้านบาท เน้นโครงการบ้านกลุ่มลักชัวรีแบรนด์ เศรษฐสิริ จำนวน 9 โครงการ, สราญสิริ 3 โครงการ, อณาสิริ 7 โครงการ และ บูก้าน 2 โครงการ
ล่าสุดบริษัทได้เตรียมเปิดขายโครงการเศรษฐสิริ วงแหวน-จตุโชติ มูลค่า 1,900 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 100-150 ตารางวา สไตล์ “Art Deco” ระดับราคา 15-30 ล้านบาทต่อยูนิต คาดสิ้นปีนี้จะสามารถทำยอดขาย 33,000 ล้านบาท ยอดโอน 30,500 ล้านบาท ตามเป้าหมาย