ชีวาทัยพลิกกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงเปิดกว้างพันธมิตรร่วมทุนลุยโปรเจกต์
“ชีวาทัย” พลิกเกมรับมือปัจจัยลบ ผนึกพันธมิตรร่วมทุนญี่ปุ่น-ไทย ลดความเสี่ยงพัฒนาโครงการใหม่ มุ่งโฟกัสบ้านราคาไม่เกิน 10 ล้าน คอนโดโลว์ไรส์ พร้อมลุยธุรกิจโรงงานให้เช่า ตั้งเป้าปี 67 รายได้ 2 พันล้าน
นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567 ยังเผชิญปัจจัยลบ ทั้งจากตัวเลขจีดีพีของประเทศไทยปีนี้ที่คาดว่าจะโตเพียง 3.2% ระดับหนี้ครัวเรือนสูงแตะ 90% ระดับความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่ำในทุกภาคส่วน รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูง นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไม่เพียงพอ ประกอบกับการเติบโตหยุดชะงักจากสงครามยูเครนและตะวันออกกลาง
ปัจจัยทั้งหมดทำให้ความเข้มงวดของธนาคารในการปล่อยกู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยมากขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ยังส่งผลกระทบโดยตรงกับผู้พัฒนาอสังหาฯ เพราะเกณฑ์การจัดหาเงินทุนเพื่อลงทุนในโครงการใหม่มีความเข้มงวดมากขึ้น รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ของตลาดที่อยู่อาศัย สะท้อนว่ากำลังซื้อตามไม่ทันปริมาณสินค้าใหม่ที่เกิดขึ้นตลาดในกลุ่มทาวน์โฮมมีสินค้าเข้าสู่ตลาดมากกว่าความต้องการจนทำให้เกิดสงครามราคาต่อเนื่องเพื่อลดสต็อกสินค้าลง กลายเป็นปัจจัยที่กระทบกับตลาด
“บริษัทยังเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดบ้านราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท และตลาดของคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ในทำเลคุณภาพที่ราคาไม่แพง ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าพร้อมกับหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ในรูปแบบการร่วมลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง”
จากแนวโน้มปัจจัยลบดังกล่าว บริษัทได้ลดความเสี่ยงด้วยการ “ร่วมทุน” กับ บริษัท นิปปอน สตีล โควะ เรียล เอสเตท จำกัด หรือ NSKRE ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากประเทศญี่ปุ่น ทั้งเชิงพาณิชย์ ที่อยู่อาศัย รวมถึงอาคารสำนักงาน มีประวัติยาวนานถึง 70 ปี เป็นการรวมตัวของ โควะ เรียล เอสเตท หน่วยงานด้านอสังหาฯ ของ มิซูโฮ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป หนึ่งในกลุ่มธุรกิจการเงินที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และ นิปปอน สตีล ผู้นำด้านธุรกิจเหล็กของโลก
โดยบริษัทฯ ถือหุ้น 51% และนิปปอน สตีล โควะ เรียล เอสเตท ถือหุ้น 49% เพื่อพัฒนาโครงการร่วมกัน โครงการแรกเป็นคอนโดมิเนียม “ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค เอกมัย-รามอินทรา” มี 413 ห้องพัก ราคา 70,000-80,000 บาทต่อตร.ม. และอาคารพาณิชย์ 2 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,014 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2568
นอกจากโปรเจกต์นี้ ทาง NSKRE ยังทำการศึกษาถึงความเป็นไปได้เกี่ยวกับการร่วมทุนในโครงการทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยวต้องการที่จะต่อยอดไปไกลกว่าการพัฒนาที่อยู่อาศัยและมีส่วนร่วมในการพัฒนาในด้านอื่นในอนาคต
สำหรับในปี 2567 บริษัทมีแผนการลงทุนและเปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่า 3,700 ล้านบาท มีวงเงินค่าที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ 600 ล้านบาท เป็นคอนโดโลว์ไรซ์ แบรนด์ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค 3 โครงการ มูลค่า 3,000 ล้านบาท และบ้านเดี่ยวแบรนด์ชีวารมย์ 1 โครงการ มูลค่า 700 ล้านบาท คาดว่าจะมีรายได้ 2,000 ล้านบาท จากโครงการเดิมที่ยังมี Backlog ทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทยังมองหาธุรกิจใหม่พร้อมเปิดรับการร่วมลงทุนในธุรกิจอสังหาฯ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่บริษัทได้ขายโรงงานสำเร็จรูปให้เช่า 10 โรงงาน ที่นิคมอุตสาหกรรม อมตะซิตี้ จ.ระยอง ไปก่อนหน้านี้ พร้อมสิทธิ์ในการบริหารดูแลต่อ ซึ่งสร้างรายได้ให้บริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดร่วมทุนในโรงงานให้เช่ากับ บริษัท ยูเวิร์ค 999 จำกัด หรือ U work โดยชีวาทัยทำหน้าที่ดูแลรับผิดชอบงานด้านการจัดหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ การตลาด การขาย การให้เช่า และดูแลการบริหารจัดการให้กับบริษัทร่วมทุน
ส่วนทางยูเวิร์ค จะเป็นผู้รับผิดชอบพัฒนาโครงการในการก่อสร้าง ให้คำปรึกษา และให้บริการวิศวกรรมโครงสร้าง ที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม วิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมไฟฟ้า วิศวกรรมประปา วิศวกรรมโยธา และนักตกแต่งภายใน
“เป็นการใช้จุดแข็งของทั้งสองบริษัทมาต่อยอดธุรกิจร่วมกัน โครงการเริ่มต้นก่อสร้างแล้วเมื่อเดือน พ.ย. ภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง 4 โรงงาน มูลค่า 210 ล้านบาท คาดรับรู้รายได้ไตรมาส 3 ปี 2567 มีผู้เช่าเต็มจำนวนในปี 2568”
นายบุญ กล่าวว่า หากไตรมาส 3-4 อัตราดอกเบี้ยลดลง กำลังซื้อน่าจะฟื้นกลับมา คาดว่า ปี 2568 เศรษฐกิจและธุรกิจอสังหาฯ จะฟื้นตัว ดังนั้นบริษัทมีความสนใจในการร่วมทุนและเข้าซื้อกิจการ โดยเฉพาะคอนโด เนื่องจากจำนวนโครงการที่อยู่ในมือลดลง