คนชะลอซื้อบ้าน-คอนโด ตามกำลังซื้อลดลงราคามีผลต่อการตัดสินใจซื้อสูงสุด
เทอร์ร่า มีเดีย เผยผลสำรวจพบว่า คนชะลอการซื้อบ้าน-คอนโดมิเนียมต่อเนื่องตามกำลังซื้อลดลง ขาดความเชื่อมั่นภาวะเศรษฐกิจ และให้ความสำคัญกับราคาเป็นอันดับแรก ขณะที่กลุ่มเบบี้บูมเมอร์เจนเอ็กซ์สนใจซื้อที่อยู่อาศัยใหม่เพื่อรองรับการเข้าสู่สังคมสูงวัยเน้นพื้นที่ส่วนกลาง
KEY
POINTS
- เศรษฐกิจไทยยังคงอยู่ในภาวะเปราะบางจากปัจจัยลบรอบด้านฉุดให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโตต่ำกว่าเป้าหมาย
- ส่งผลให้คนชะลอการซื้อบ้าน-คอนโดต่อเนื่องตามกำลังซื้อลดลง
- ราคากลายเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้ออันดับแรก
- กลุ่มเบบี้บูมเมอร์-เจนเอ็กซ์ สนใจซื้อที่อยู่อาศัยใหม่เพื่อรองรับสังคมสูงวัยเน้นพื้นที่ส่วนกลาง
สุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด กล่าวว่า งานสัมมนา TERRAHINT BRAND SERIES เป็นงานสัมมนาใหญ่ของ TerraBKK.com จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี จากการสำรวจในปีนี้ พบว่า แนวโน้มการซื้อบ้านมีเพียง 36% ที่คิดว่าจะซื้อบ้านภายใน 3 ปี ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ "ลดลง" ต่อเนื่องจากปี 2566 ที่มีผู้ที่คิดว่าจะซื้อบ้านภายใน 3 ปี ราว 42% จากผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 2,000 คน
สะท้อนกำลังซื้ออสังหาฯ ของผู้บริโภคที่ "ลดลง" ทำให้ "ชะลอ" การตัดสินใจซื้อหรือเลื่อนการซื้อออกไปนานขึ้น สอดคล้องกับ Consumer Confidence Index ที่พบว่า ความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยในปี 2567 "ลดลง" ซึ่งคนส่วนใหญ่ขาดความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยในช่วง 12 เดือนข้างหน้า และมองว่าในช่วงนี้ "ไม่ใช่" โอกาสที่ดี ในการซื้อสินค้ามูลค่าสูงอย่างอสังหาฯ หรือรถยนต์
“ปีนี้พบว่ากลุ่มเบบี้บูมเมอร์มีแนวโน้มจะซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ภายใน 3 ปีเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับเจเนอเรชันอื่นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะส่วนใหญ่กำลังมองหาบ้านใหม่ที่สามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนสูงวัย โดยมีพื้นที่ระเบียง ที่สามารถนั่งพักผ่อน ภายใต้บรรยากาศที่เงียบสงบ มีมุมสงบเป็นส่วนตัว และใกล้ชิดธรรมชาติ สอดคล้องกับกลุ่มเจนเอ็กซ์ ที่เห็นสัญญาณความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ เพื่อรองรับการเข้าสู่สังคมสูงวัย ขณะเดียวกันยังต้องการพื้นที่ส่วนกลางเพื่อรองรับการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม” สุมิตรา กล่าว
สำหรับเทรนด์การพัฒนานวัตกรรมบ้านในปี 2568 พบว่าคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ 3 ด้าน คือ บ้านเทคโนโลยี อาทิ ระบบไฟตามช่วงเวลา, ระบบดูแลสุขภาพ เซนเซอร์ตรวจจับการล้ม, กระจกอัจฉริยะปรับแสง รวมถึง บ้านรักษ์โลก อาทิ จุดชาร์จรถไฟฟ้า, Solar Cell, ผังโครงการรองรับน้ำท่วม, วัสดุก่อสร้างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ บ้านสุขภาพดี อาทิ การติดตั้งระบบกรองอากาศ และเพิ่มอากาศ, ทางเดินกลางแจ้งระยะทางมากกว่า 400 เมตร และออกแบบให้ป้องกันความร้อนและเสีย เป็นต้น
ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามราว 59% ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยภายใน 5 ปี พบว่า กลุ่มนี้มีพฤติกรรมการเลือกซื้อที่เปลี่ยนแปลง โดยหันมาให้ความสำคัญกับ "ราคา" เป็นอันดับแรก รองลงมาคือ บริการหลังการขาย, ระบบรักษาความปลอดภัย, สังคมและสิ่งแวดล้อมภายในโครงการ และเมื่อจำแนกจากจำนวนดังกล่าว พบว่า มีความต้องการซื้อบ้านเดี่ยว 86% รองลงมาคือ คอนโดมิเนียม 44% และทาวน์โฮม 24% ตามลำดับ
โดยกลุ่มราคาจะอยู่ในช่วงตั้งแต่ น้อยกว่า 3 ล้านบาท คิดเป็น 37%, กลุ่ม 3-5 ล้านบาท คิดเป็น 30% และกลุ่ม 5-7 ล้านบาท คิดเป็น 15% ส่วนกลุ่มมากกว่า 7 ล้านบาท ถึง มากกว่า 20 ล้านบาท มีสัดส่วนรวมทั้งหมดอยู่ที่ 17% ซึ่งกลุ่มผู้ที่ตั้งงบมากกว่า 10 ล้านบาท ขึ้นไปมองว่า “พื้นที่รับประทานอาหาร” และ “ห้องน้ำ” เป็นองค์ประกอบสำคัญที่สะท้อนความหรูหรามากกว่ากลุ่มอื่นๆ ขณะที่กลุ่มที่มีงบประมาณมากกว่า 20 ล้านบาทให้ความสำคัญกับ “พื้นที่ส่วนกลาง” และ “พื้นที่สวนในบ้าน” ซึ่งมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราอย่างชัดเจน
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์