สาธรยูนีคตึกในตำนานวิกฤติต้มยำกุ้งกับโอกาสที่ยังไม่เกิดขึ้น

สาธรยูนีค ตึกในตำนานวิกฤติต้มยำกุ้งที่ออกแบบโดยรังสรรค์ ต่อสุวรรณสถาปนิกชื่อดัง พิสูจน์ถึงความทนทานรองรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว กับโอกาสที่ยังไม่เกิดขึ้น
หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อ 28 มี.ค. ช่วงหลายวันที่ผ่านมา ประเด็นที่กลับมาฮือฮาในวงการอสังหาริมทรัพย์ คือ ข่าวลือขายตึก “สาธร ยูนีค ทาวเวอร์” อาคารสูง 49 ชั้นที่เป็นสัญลักษณ์แห่ง “วิกฤติต้มยำกุ้ง” ในยุค 90's ตั้งตระหง่านท้าทายกาลเวลา ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงในตลาดอสังหาริมทรัพย์และคลื่นวิกฤติถาโถมมาอย่างต่อเนื่อง
“สาธร ยูนีค” เป็นตึกที่ไม่เหมือนใครในกรุงเทพฯ ด้วยโครงสร้างที่ออกแบบโดย ผช.ศ.รังสรรค์ ต่อสุวรรณ สถาปนิกชื่อดัง ดีไซน์อาคารที่วันนี้พิสูจน์ถึงความทนทาน สามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้ดีเยี่ยม! แม้เวลาจะผ่านไปนานกว่า 30 ปีแล้ว อาคารยังคงยืนหยัดอยู่กลางใจ กรุงเทพฯ พร้อมคำถามและคำตอบในใจว่า “หากไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของโครงสร้าง อาคารนี้จะสามารถอยู่รอดมาได้จนถึงวันนี้หรือไม่?”
อย่างไรก็ดี ช่วงสถานการณ์คุกรุ่นนี้ ข่าวลือขายตึกสาธรยูนีคในราคาสูง 4,000 ล้านบาท เป็นประเด็นที่ถูกจับตามองและเกิดกระแสเป็นระยะ ล่าสุดวันที่ 2 เม.ย. สร้างความตื่นเต้นให้กับวงการและคำถามว่า “ข่าวนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่?” หลังมีผู้อ้างว่าเป็นนายหน้า ประกาศผ่านโซเชียลมีเดียว่า “การขายตึกเสร็จสิ้นแล้ว” พร้อมระบุว่าผู้ซื้อคือ “คนไทย”
“ในความเป็นจริง จำนวนเงินที่สูงถึง 4,000 ล้านบาท คงไม่สามารถให้เปิดเผยได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะจากนายหน้าที่ไม่คุ้นเคยกับการประกาศรายละเอียดการขายล่วงหน้าเช่นนี้”
และในที่สุด ความจริงก็ปรากฎ! ตรงข้ามกับข่าวลือที่แพร่กระจาย
สุรเชษฐ กองชีพ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษาของ คุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์ ประเทศไทย กล่าวถึงกรณีนี้ว่า “จากประสบการณ์ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ข้อสงสัยที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการประกาศการขายจากนายหน้า บ่งชี้ได้ว่าอาจเป็นเพียงแค่ข่าวลือที่แพร่สะพัดในวัน April Fool's Day”
อย่างไรก็ดี ข้อมูลสำหรับ "สาธร ยูนีค ทาวเวอร์" เป็นโครงการที่หยุดการก่อสร้างมานานกว่า 30 ปี และยังคงเป็นอาคารที่มีข้อพิพาททางกฎหมายหลายประการ ทั้งการยึดคืนหนี้สินจากสถาบันการเงินและผู้ที่เคยจ่ายเงินซื้อคอนโดมิเนียมในโครงการนี้ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นการขาย ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปในยุค 90 โครงการนี้ได้รับความนิยมสูงถึง 90% ของยอดจองยูนิตทั้งหมด แต่ก็ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างจนเสร็จสมบูรณ์ได้ เนื่องจากปัญหาทางการเงินและข้อพิพาทกับเจ้าหนี้ต่างๆ
ขณะเดียวกัน กระทรวงมหาดไทยเคยออก “กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร” สำหรับอาคารที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงก่อนปี 2540 ซึ่งรวมถึงโครงการสาธร ยูนีค แต่ปัญหาคือ รูปแบบการออกแบบอาคารและระบบต่างๆ อาจไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดและกฎหมายปัจจุบัน ทำให้การก่อสร้างต้องหยุดลง และแน่นอนว่า การขายก็ยังคงไม่สามารถดำเนินการได้จนถึงปัจจุบัน
ความจริงเบื้องหลังข่าวลือ
เมื่อกระแสข่าวการขายตึกสาธร ยูนีค กลายเป็นประเด็นร้อนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ มีการพูดถึงอย่างกว้างขวาง แต่เมื่อเวลาผ่านไป ข่าวลือที่ว่า “ตึกขายแล้ว” ก็ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นเรื่องที่ไม่จริง ทายาทเจ้าของอาคารได้ออกมายืนยันว่า ”ไม่มี” การขายตึก และไม่มีการมอบหมายให้ใครเป็นตัวแทนนายหน้าในการดำเนินการขายแต่อย่างใด
“เหตุการณ์นี้ทำให้หลายคนในวงการอสังหาริมทรัพย์ต้องกลับมาคิดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคือการสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของผู้คนในตลาดที่ยังคงสนใจอสังหาริมทรัพย์ที่มีความหมายและมีความแข็งแกร่ง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องตระหนักว่า การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อย่างอาคารสาธร ยูนีค อาจมีความเสี่ยงมากมาย! ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกฎหมาย การรีโนเวทให้ทันสมัย หรือแม้กระทั่งการพัฒนาให้เสร็จสมบูรณ์ภายใต้เงื่อนไขที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน”
ส่องโอกาสในอนาคต
แม้ว่าข่าวการขายตึกสาธร ยูนีค จะเป็นเพียงเรื่องหลอกลวงในวัน April Fool's Day หรือไม่? แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้คือ ความต้องการในอสังหาริมทรัพย์ที่มีเอกลักษณ์และมีความหมายกับคนในยุคปัจจุบัน ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังมีความสนใจในโครงการที่มีชื่อเสียง แม้จะต้องเผชิญกับข้อจำกัดต่างๆ เช่น กฎหมาย หรือปัญหาทางการเงิน แต่โอกาสในการฟื้นฟูหรือพัฒนาโครงการที่มีความเป็นเอกลักษณ์อาจจะยังมีเสมอ หากมีการบริหารจัดการที่ดี และสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สิ่งที่เกิดขึ้นจากข่าวลือในครั้งนี้ อาจเป็นเพียงภาพสะท้อนของ “ความหวัง” และ “ความเชื่อ” ที่มีในอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ ซึ่งมีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต เพียงแต่ต้องการ “การบริหารจัดการ” และ “การพัฒนา” ที่เหมาะสมในระยะยาว