GTG เจาะตลาดกัญชง ตั้งเป้ายอดขายผลิตภัณฑ์จากกัญชงกว่า300 ล้านบาท
GTG เดินหน้าจุดพลุตลาดกัญชงในประเทศ จัดมหกรรม “RAKSA CBD EVENT BY GTG” หนุนกัญชงขึ้นแท่นพืชเศรษฐกิจใหม่ ระบุปี 64 มูลค่าตลาดกัญชงกว่า 600 ล้านบาท พร้อมเปิดตัว CBD Everyday Balm บาล์มอเนกประสงค์ คอนซูเมอร์โปรดักส์ชูโรงตัวแรก
วันนี้ (5 พ.ค.2565) บริษัท โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป จำกัด หรือ Golden Triangle Group (GTG) ได้จัดงาน Exclusive เอาใจคนรักกัญชา-กัญชง “Raksa CBD Event By GTG” ตั้งแต่วันที่ 5-8 พ.ค.นี้ @Emquartier (Quartier Gallery ชั้น M)
นายกฤษณ์ ธีรเกาศัลย์ กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่าGTG มีความพร้อมทำตลาดกัญชงเชิงพาณิชย์ในประเทศอย่างเต็มรูป โดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมาได้มีการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กัญชงภายใต้ชื่อ “RAKSA” (รักษา) เป็นสายพันธุ์ของตนเองด้วยกระบวนการปลูกที่มีคุณภาพและมาตรฐานในโรงปลูกที่ผ่านการรับรองจาก FDA
จนสามารถนำส่วนของดอกที่มีคุณภาพมีส่วนประกอบของสาร THC ต่ำกว่า 0.2% ตามที่กฎหมายกำหนดและยังมีสาร CBD 15.8% เป็นสารสกัด RAKSA CBD Full-Spectrum คุณภาพสูงรายแรกของเอเชีย
"การกระตุ้นความต้องการหรือดีมานด์ในตลาดประเทศจะเป็นปัจจัยความสำเร็จในการผลักดันกัญชงให้กลายเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของประเทศนอกหนือจากการรักษาคุณภาพและมาตรฐาน โดยมีหัวใจสำคัญคือการสร้างการรับรู้และเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อเกิดการบอกต่อและซื้อซ้ำ ผ่านกลยุทธ์การสร้างการรับรู้ทดลองผ่านงานโรดโชว์ทั่วประเทศไปพร้อมกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์โปรดักส์"นายกฤษณ์ กล่าว
- ปี 64 ตลาดกัญชงมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท
ตลาดกัญชงในประเทศไทยมีมูลค่ามหาศาลตามมูลค่าตลาดสุขภาพความงามและการแพทย์เนื่องจากเป็นสมุนไพรธรรมชาติที่มีสรรพคุณด้านการรักษาสามารถตอบโจทย์เทรนด์ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติหรือออแกนิคที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้บริโภคหันมาใส่ใจและให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น
โดยเฉพาะในกลุ่มคนยุคมิลเลนเนียล กลุ่มแม่และเด็ก และผู้สูงอายุ ที่มีการขยายตัวประมาณ 20% ในช่วงปี 2560-2564 สอดคล้องกับข้อมูลจากศูนย์วิจัยธนาคารกรุงศรีที่ระบุเอาไว้ว่าใน 2564 คาดว่าอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่มีกัญชงผสมจะมีมูลค่า 280 ล้านบาท รองลงมาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารจากกัญชง 240 ล้านบาท ยาและอาหารเสริมจากกัญชง 50 ล้านบาท เครื่องแต่งกายที่ทำด้วยใยกัญชง 30 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลประเมินว่ายังอยู่ในช่วงการพัฒนาผลิตภัณฑ์
ทั้งนี้ 5 กลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวจะมีการนำกัญชงไปใช้มูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท รวมทั้งคาดการณ์ว่าตลาดกัญชงไทยจะมีมูลค่าสูงถึง 15,770 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2568 หรือเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 126% ต่อปี
“ภาพรวมของกัญชงในประเทศไทย หากแบ่งตามกลุ่มผู้ใช้ พบว่า กลุ่มบุคคลที่มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์หรือสินค้าออแกนิคอย่างกัญชากัญชงอยู่แล้ว ประมาณ 45 % นอกจากนั้นจะเป็นกลุ่มคนที่พยายามหาผลิตภัณฑ์ออแกนิคเกี่ยวกับการรักษา หรือช่วยให้สุขภาพของพวกเขาดีขึ้น และเป็นกลุ่มธุรกิจบริการ อย่างสปา ซึ่งในปีนี้ GTG ตั้งเป้ารายได้ 270 – 300 ล้านบาทและเฉลี่ยเติบโตปีละ 55% และอีก 3 ปีคาดว่าจะสามารถมีส่วนแบ่งทางการตลาดได้ถึง 6.3% จากมูลค่ารวมของตลาดสินค้ากัญชงไทย”นายกฤษณ์ กล่าว
- เปิดตัว CBD Everyday Balm บาล์มอเนกประสงค์
นายกฤษณ์ กล่าวต่อว่าGTG ได้วางกลยุทธ์การตลาดเพื่อสร้างการรับรู้และขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าธุรกิจ (B2C) จับกลุ่มธุรกิจ อาหาร เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล เช่น เครื่องสำอาง ของใช้ประจำวัน บาล์ม สบู่ แชมพู รวมไปถึงกลุ่มยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในประเทศ ที่ต้องการนำสาร CBD ในกัญชงประกอบในสินค้า
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ Raksa Full-Spectrum CBD Oil ประกอบด้วยสารสกัดที่ทรงคุณค่าอย่างแคนนาบินอยด์ (Cannabinoids) และสารอื่นๆ เช่น CBD CBDA CBG และ CBC มีคุณสมบัติเด่น คือ ออกฤทธิ์ระงับอาการอักเสบต่างๆ ในร่างกาย ลดความวิตกกังวลและอาการทางเส้นประสาท มีประโยชน์กับระดับน้ำตาลในโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และผลกระทบต่อความเจ็บปวด รวมถึงอารมณ์ผิดปกติ
โดยสารเหล่านี้จะเกิด ‘Entourage Effect’ หรือกลไกทางด้านการดูดซึมและตอบสนองที่ช่วยส่งเสริมสรรพคุณกันและกันในการรักษาโรคได้ดี ที่แม้จะใช้ในปริมาณน้อยแต่ให้ประสิทธิภาพสูง ซึ่ง Raksa Full-Spectrum CBD Oil เน้นทั้งคุณภาพและความปลอดภัยระดับมาตรฐานการแพทย์
โดยล่าสุด ได้เปิดตัวสินค้า CBD Everyday Balm ปาล์มทาผิวอเนกประสงค์ ที่ใช้ได้ทั้งการบรรเทาอาการปวดเมือยตามร่างกาย การทารักษาเวลาคัน รอยแดง ยุงกัด หรือสำหรับบุคคลที่ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื่น ซึ่งมีสารสกัดCBD จากกัญชา ที่ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ อาการปวด ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวดูชุ่มชื่น ปรับสภาพผิว และสามารถใช้ได้ทุกเพศทุกวัย
- ครึ่งปีหลังเปิดตัวผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องดื่มอาหาร
นายกฤษณ์ กล่าวด้วยว่าสำหรับครึ่งปีหลังนั้น ทาง GTG จะเปิดตัวในกลุ่มเครื่องดื่ม อาหาร และตลอดทั้งปีนี้ตั้งเป้าเปิดตัวสินค้าเพิ่มเติมอีกกว่า 10 รายการ เพื่อสร้าง Economy of scale ของตลาดกัญชงในภาคธุรกิจอื่นๆ ทั้งกลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม ยาเวชภัณฑ์ เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อปูทางต่อยอดขยายกลุ่มลูกค้าไปในตลาด B2B ในอุตสาหกรรมเหล่านี้ และในเดือนต.ค. ปี 2565 นี้ จะได้มาตรฐานส่งออกดอกแห้งไปต่างประเทศตามมาตรฐานยุโรป
“ที่ผ่านมา GTG ปลูกในโรงปลูกแบบIndoor 100% แต่ปีนี้จะเริ่มทำ Greenhoust และOutdoor เพื่อใช้ในผลิตภัณฑ์อาหาร โดยให้สอดคล้องกับผู้ใช้ให้ได้ราคาที่เหมาะสมแก่กลุ่มเป้าหมาย ส่วนกำลังการผลิต เราตั้งใจเป็นบริษัทไบโอเทค เราให้ความสำคัญตั้งแต่การปลูกในทุกมิติ เราไม่ได้ปลูกต้นไม่แต่เราเป็นธุรกิจเพาะเลี้ยงแม่พันธุ์ เพื่อให้คนที่มาปลูกกับเราได้ราคาขายที่ดี เป็นธุรกิจที่ยั่งยืนของไทย”นายกฤษณ์ กล่าว