ถุงลมนิรภัย มรณะ! เกิดเพราะอะไร ทำไมกว่า 6 แสนคันในไทย เสี่ยงไม่รู้ตัว
ผู้ใช้รถต้องเช็ก “ถุงลมนิรภัย” ในรถยนต์ 8 ยี่ห้อ รวมกว่า 680,000 คันในไทย เสี่ยงอันตรายจากถุงลมนิรภัย รีบไปเปลี่ยนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมเปิดปม! เรื่องลากยาว..กว่า 10 ปี เกิดอะไรขึ้น?
สรุปปมร้อนเรื่อง “ถุงลมนิรภัย” ยี่ห้อ “ทาคาตะ” ซึ่งกำลังเป็นความเสี่ยงต่อผู้ใช้รถในไทยถึงกว่า 680,000 คันในปัจจุบัน ที่ประกอบด้วย 8 ยี่ห้อ ฮอนด้า บีเอ็มดับเบิลยู นิสสัน โตโยต้า มิตซูบิชิ มาสด้า เชฟโรเลต และฟอร์ด ในหลายรุ่นดัง ที่ไม่เพียงไม่ได้มาตรฐาน แต่ยังอาจก่อให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
แม้เรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยเกิดเหตุการณ์การเสียชีวิตจากถุงลมนิรภัยยี่ห้อ ทาคาตะ (Takata) ในหลายประเทศทั่วโลก และมีการเรียกคืนรถจำนวนเกือบ 100 ล้านคันเพื่อเปลี่ยนถุงลมนิรภัยตั้งแต่ปี 2551
ทำไมเรื่องเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ถึงยังเป็นประเด็นที่ผู้ใช้รถวันนี้ต้องอ่าน! “กรุงเทพธุรกิจออนไลน์” พาย้อนไปดูเรื่องราวตั้งแต่เริ่มต้น..
- ถุงลมนิรภัย อุปกรณ์ช่วยชีวิต หรือระเบิดเวลา!
ปมปัญหาของถุงลมนิรภัยที่ผลิตโดยบริษัททาคาตะ ถือเป็นเรื่องใหญ่ระดับโลก เริ่มต้นขึ้นเมื่อมีผู้ใช้งานเสียชีวิต และบาดเจ็บจากถุงลมนิรภัยระเบิด และได้ทำการสอบสวนจนพบถึงสาเหตุว่า เกิดจากถุงลมนิรภัยบกพร่อง โดยเกิดขึ้นกับ ถุงลมนิรภัย ที่ผลิตโดยบริษัท ทาคาตะ ผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก และมีลูกค้าเป็นค่ายรถยนต์ชั้นนำจำนวนมาก
ในช่วงแรกทาง “ทาคาตะ” ยังปฏิเสธคำกล่าวหาดังกล่าว แต่ตอนหลังก็ออกมายอมรับว่า สาเหตุเป็นเพราะ ความชื้นที่สูงอาจส่งผลกระทบต่อ สารเคมีแอมโมเนียมไนเตรทที่ใช้ผลิต และทำให้ถุงลมปล่อยแรงระเบิด และเศษชิ้นส่วนที่เป็นอันตรายต่อผู้โดยสาร แทนที่จะปกป้องผู้โดยสาร
ในหลายๆ ประเทศ เริ่มสั่งเรียกคืนรถยนต์รุ่นที่มีปัญหา เช่น ในปี 2013 ค่ายยักษ์ใหญ่ของญี่ปุุ่นอย่าง Toyota, Honda, Mazda และ Nissan ก็เรียกคืนรถยนต์กว่า 3.4 ล้านคัน เพราะ “ถุงลมนิรภัยบกพร่อง”
และหลังจากนั้นก็มีการเรียกคืนทั้งจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่น และ ยุโรป ในหลายประเทศทั่วโลก รวมแล้วกว่า 100 ล้านคัน ที่ต้องนำรถเข้ามาตรวจสอบและเปลี่ยนถุงลมนิรภัยใบใหม่ ที่ปลอดภัยกว่าเข้าไปแทน
ฝั่ง “ทาคาตะ” ก็ต้องรับผิดชอบด้วยการจ่ายชดเชยความเสียหายแก่ค่ายรถยนต์เป็นเงิน 850 ล้านดอลลาร์ ก่อนจะขอยื่นล้มละลายเมื่อปี 2560 เนื่องจากประสบภาวะขาดทุนอ่วม จนไปต่อไม่ไหว
- รถยนต์ในไทย 1.7 ล้านคัน ใช้ ถุงลมนิรภัยมรณะ!
เมื่อเกิดเรื่องขึ้นมา ก็เริ่มมีการรีเช็กครั้งมโหฬารทั่วโลก ว่า ปลายทางของรถยนต์ยี่ห้อดัง รุ่นที่มีปัญหานั้นจำหน่ายในประเทศไหนบ้าง เพื่อทำการแก้ไขให้ถูกต้อง
สำหรับประเทศไทย ได้มีการขายรถหลายยี่ห้อ หลายรุ่น รวมแล้ว รถกว่า 1.7 ล้านคันในไทยติดตั้งถุงลมนิรภัยดังกล่าว และได้มีการเรียกคืนเพื่อเปลี่ยนถุงลมไปแล้ว
แต่จากข้อมูลล่าสุด พบว่า ยังมีรถอีกจำนวนหลายแสนคันที่ยังไม่ได้รับการเปลี่ยนถุงลม โดยเมื่อ 10 พ.ค.65 สภาองค์กรของผู้บริโภค ได้จัดแถลงข่าว "ถุงลมนิรภัย อุปกรณ์ช่วยชีวิต หรือระเบิดเวลา!" ร่วมแถลงโดย สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค, นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ หัวหน้าสาขาวิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ รพ.รามาธิบดี และนายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย, ชีพ น้อมเศียร ผู้อำนวยการสำนักวิศวกรรมยานยนต์ กรมการขนส่งทางบก และ สุวัชร์ ศุภกาญจน์เดชากุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
ใจความหลัก คือ การรายงานตัวเลขรถยนต์ที่ยังไม่ได้เข้ามาเปลี่ยนถุงลมนิรภัย ซึ่งมีกว่า 6 แสนคัน พร้อมเสนอแนวทางกระตุ้นให้ประชาชนที่ใช้รถที่ติดตั้งถุงลมนิรภัยที่บกพร่อง นำรถไปเปลี่ยนชุดถุงลมนิรภัย เพื่อความปลอดภัย
- อันตราย ของถุงลมนิรภัยไม่ได้มาตรฐาน
ผศ.นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธ์ หัวหน้าสาขาวิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และนายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า ที่ผ่านมาในประเทศไทย เคยมีกรณีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ซึ่งจากการชันสูตรยืนยันได้ว่าเป็นการเสียชีวิตจากชิ้นส่วนที่กระเด็นออกมาจากถุงลมนิรภัย หนึ่งในการชันสูตรศพกรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ที่เคยเกิดขึ้น ได้พบบาดแผลผู้เสียชีวิตฉีกขาดเป็นวงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3.5 ซม. บริเวณกลางหน้าอกด้านบน ลึกไปจนถึงกระดูกสันหลังช่วงคอ และพบชิ้นส่วนโลหะฝังตัวในกระดูกสันหลัง
โดยสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากชิ้นส่วนโลหะดังกล่าวที่ทะลุบริเวณคอและหน้าอกส่วนบน ทั้งนี้ ชิ้นส่วนโลหะดังกล่าวมีลักษณะเข้าได้กับชิ้นส่วนของถุงลมนิรภัย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นยี่ห้อ "ทาคาตะ"
ทั้งนี้ สุวัชร์ ศุภกาญจน์เดชากุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ได้เผยเพิ่มเติมถึงการประกาศเรียกคืนรถ ว่า ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2556 และในปี 2561 ได้ร่วมมือกับกรมการขนส่งทางบก ประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคที่ใช้รถยนต์รุ่นที่ถูกเรียกคืน สามารถเข้าไปรับบริการเปลี่ยนชิ้นส่วนถุงลมได้โดย "ไม่มีค่าใช้จ่าย" ทั้งค่าอะไหล่ และค่าแรงในการเปลี่ยนอะไหล่ รวมถึงทางสมาคมฯ ยังได้แลกเปลี่ยนข้อมูลการจดทะเบียนรถยนต์กับกรมการขนส่งทางบก เพื่อเพิ่มช่องทางการสื่อสารให้กับบริษัทรถยนต์สามารถติดต่อเพื่อแจ้งเตือนให้เจ้าของรถได้ทราบ
- ระเบิดเวลา ยังมีอีก 600,000 คัน
ขณะที่ ชีพ น้อมเศียร ผู้อำนวยการสำนักวิศวกรรมยานยนต์ กรมการขนส่งทางบก ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หลังจากกรมฯ ได้รับรายงานปัญหาถุงลมนิรภัยบกพร่องดังกล่าว ตั้งแต่เริ่มมีข่าวการประกาศเรียกคืน (Recall) ในต่างประเทศ และจากการตรวจสอบพบรถที่มีถุงลมนิรภัยบกพร่องจำนวนทั้งสิ้น 1,725,816 คัน ในปี 2561 กรมฯ จึงร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ใช้รถที่ติดตั้งถุงลมนิรภัยที่บกพร่อง นำรถไปเปลี่ยนชุดถุงลมนิรภัยได้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
หลังจากมีการติดตามการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถแก้ไขชุดถุงลมนิรภัยไปได้จำนวน 1,045,336 คัน คิดเป็นร้อยละ 60.6 แต่ยังคงเหลือรถอีกจำนวน 680,480 คัน ที่ยังไม่ได้เปลี่ยนถุงลมนิรภัย
ขณะเดียวกัน สารี อ๋องสมหวัง ก็เรียกร้องให้บริษัทรถยนต์ทั้ง 8 บริษัท ได้แก่ ฮอนด้า บีเอ็มดับเบิลยู นิสสัน โตโยต้า มิตซูบิชิ มาสด้า เชฟโรเลต และฟอร์ด ที่ได้มีการขายรถยนต์รุ่นต่างๆ ที่ติดตั้งถุงลมนิรภัยอันตรายยี่ห้อดังกล่าวในประเทศไทยมากว่าสิบปี เร่งดำเนินการเปลี่ยนถุงลมนิรภัยให้มีความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
- วิธีเช็ก รถยนต์ ยี่ห้อ/รุ่น ไหน ต้องเปลี่ยนถุงลมนิรภัย
สำหรับผู้เป็นเจ้าของหรือใช้งานรถยนต์ 8 ยี่ห้อ ได้แก่ ฮอนด้า บีเอ็มดับเบิลยู นิสสัน โตโยต้า มิตซูบิชิ มาสด้า เชฟโรเลต และฟอร์ด สามารถเช็ครุ่นรถ และปีที่ผลิตได้ว่า เข้าข่ายเป็นอันตรายจากถุงลมนิรภัยหรือไม่ โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ www.checkairbag.com หรือนำรถเข้าไปที่ศูนย์บริการทุกสาขา หรือติดต่อผ่านฝ่ายบริการลูกค้าทางโทรศัพท์ (Call Center) ของแต่ละบริษัทรถยนต์ หรือติดต่อสายด่วน 1584 เพื่อสอบถามข้อมูลได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ผู้บริโภคคลิกที่ลิงก์นี้เพื่อตรวจสอบยี่ห้อ และ รุ่นรถยนต์ https://bit.ly/3M31Hso หรือ https://www.checkairbag.com/
จากนั้นคลิกเลือกยี่ห้อรถยนต์ และนำตัวเลขตัวถังของรถค้นหา หากเข้าข่ายที่ต้องเปลี่ยนให้ติดต่อกับศูนย์บริการรถยนต์ที่คุณใช้อยู่ และ นำรถเข้ารับการเปลี่ยนถุงลมนิรภัยกับศูนย์บริการฯ ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย