4 เรื่องน่ากังวล หลังปลดล็อกกัญชาพ้นยาเสพติด 9 มิ.ย.นี้
เครือข่ายนักวิชาการและภาคประชาชนต้านภัยยาเสพติด กะเทาะ “จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากปลดล็อกกัญชาจากการเป็นยาเสพติด” หวั่น 4 เรื่อง
เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2565 เครือข่ายนักวิชาการและภาคประชาชนต้านภัยยาเสพติด ออกบทความวิชาการ เรื่อง จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากปลดกัญชาจากการเป็นยาเสพติดตั้งแต่วันที่9 มิถุนายน 2565เป็นต้นไป ระบุว่า
ข้อเท็จจริงที่ควรทราบ เรื่อง จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากปลดกัญชาจากการเป็นยาเสพติด ตั้งแต่วันที่9 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป
1.กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ ฉบับลงนามวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ (ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕) จะมีผลบังคับใช้หลังพ้น ๑๒๐ วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือ ตั้งแต่วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ประกาศฉบับนี้กำหนดให้เฉพาะ “สารสกัด” ที่มี THC มากกว่าร้อยละ ๐.๒ โดยน้ำหนัก เท่านั้น ที่เป็นยาเสพติด ส่งผลให้ “พืชกัญชา (เช่น ช่อดอก ซึ่งไม่ใช่สารสกัด แต่มี THC สูงถึงร้อยละ ๑๐-๒๐)” จะไม่เป็นยาเสพติดอีกต่อไป
ซึ่งเท่ากับเป็นนโยบายกัญชาเสรี ไปไกลเกินกว่านโยบายกัญชาทางการแพทย์มาก ทุกคนสามารถสูบช่อดอกกัญชาได้โดยไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด ซึ่งรวมถึงเด็กและเยาวชนด้วย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีมาตรการควบคุมการใช้กัญชาในทางที่ผิดที่เพียงพอ (หมายเหตุ: พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ๒๕๔๖ ห้ามไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดปีสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ แต่ไม่มีการห้ามเสพกัญชา เนื่องจากในสมัยนั้นกัญชายังเป็นยาเสพติด)
2.ขณะนี้ ร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง ซึ่งเป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่มีมาตรการควบคุมการใช้กัญชาในทางที่ผิดในระดับหนึ่ง ได้ถูกบรรจุในสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาวาระ ๑ ในวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๕ ซึ่งจะต้องผ่านกระบวนการต่างๆในสภาผู้แทนราษฎรตามระเบียบมาตรฐาน และจะต้องเสนอต่อวุฒิสภาเพื่อพิจารณาต่อไป กระบวนการทั้งหมดนี้จึงต้องใช้เวลา และไม่มีทางเสร็จสิ้นทันก่อนวันที่ ๙ มิถุนายน นี้
จึงจะส่งผลให้เกิดสุญญากาศทางนโยบาย คือ กัญชาจะเป็นพืชที่ไม่เป็นยาเสพติดตั้งแต่วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๕ นี้เป็นต้นไป และจะไม่มีมาตรการควบคุมการใช้กัญชาในทางที่ผิดที่เพียงพอ ประชาชนทุกครัวเรือนจะสามารถปลูกและใช้กัญชาได้เหมือนการปลูกพริก ปลูกผัก ทั่วไป หากไม่นำกัญชาไปสกัด
แม้กระทรวงสาธารณสุขจะออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดให้กลิ่นและควันกัญชา กัญชง หรือพืชอื่นใดในทำนองเดียวกันเป็นเหตุรำคาญ พ.ศ.... ก็จะสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนรำคาญที่ผู้สูบกัญชามีต่อผู้อื่นในระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ แต่ไม่ได้เป็นการแก้ต้นเหตุ คือ ไม่สามารถควบคุมการปลูกและการนำช่อดอกกัญชาไปสูบโดยเยาวชนหรือประชาชนแต่ประการใด ทำให้สามารถคาดคะเนได้ว่าจะมีการนำช่อดอกกัญชาที่ปลูกในครัวเรือน (ซึ่งสามารถปลูกได้โดยไม่จำกัดจำนวน) ไปสูบโดยเด็กและเยาวชน และแม้แต่ผู้ใหญ่ มากเพียงใด
ดังที่เริ่มมีเยาวชนไทยเริ่มทดลองสูบกัญชาที่ปลูกในบ้านเพื่อน ด้วยอุปกรณ์ที่ทำขึ้นเองจากการดู YouTube หลังจากที่มีการประกาศประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับนี้ (ดูภาคผนวก ๒ สำหรับภาพการสูบกัญชาโดยเยาวชนไทย) อีกทั้งมีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่ามีการสูบกัญชามากขึ้นในกลุ่มเยาวชนในประเทศแคนาดา และบางรัฐในประเทศสหรัฐอเมริกาหลังจากที่มีนโยบายกัญชาเพื่อนันทนาการ
3.แม้ประเทศที่ให้ใช้กัญชาอย่างเสรีที่สุด คือ ให้ใช้กัญชาเพื่อนันทนาการได้ ยังมีมาตรการควบคุมที่เข้มข้น เช่น ประเทศอุรุกวัย รัฐผูกขาดการค้าส่งในประเทศ ผลิตภัณฑ์กัญชาที่ซื้อขายในตลาดจะต้องบรรจุในถุงที่ไม่มีลวดลายใดๆ ถุงบรรจุนี้ระบุได้เพียงร้อยละของ THC และข้อความคำเตือนเกี่ยวกับการใช้กัญชา มีมาตรการห้ามโฆษณา ห้ามให้ทุนอุปถัมภ์ และห้ามส่งเสริมการขาย โดยสิ้นเชิง และ มีมาตรการกำหนดไม่ให้เสพกัญชาแล้วขับขี่ยานพาหนะ และมีมาตรการภาษีกัญชา ส่วนประเทศแคนาดา รัฐผูกขาดการค้าส่ง มีการควบคุมการครอบครองกัญชาในที่สาธารณะ (เช่น ห้ามครอบครองเกินหนึ่งต้นกัญชาที่มีช่อดอกในที่สาธารณะ) ห้ามแสดงผลิตภัณฑ์กัญชา หรือ บรรจุภัณฑ์ หรือ สลาก ให้เยาวชนเห็น ส่งผลให้มีแต่การจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชาในร้านที่จำหน่ายกัญชาโดยเฉพาะ ซึ่งห้ามเยาวชนเข้า (คือไม่มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชาให้เห็นได้ทั่วไป) ห้ามการโฆษณาโดยรูปแบบ/วิธีการ/เนื้อหาที่เยาวชนสนใจ มีการอนุญาตให้ปลูกกัญชาในครัวเรือนได้
แต่ต้องไม่เกินครัวเรือนละสี่ต้น และห้ามปลูกให้เห็นได้จากที่สาธารณะนอกบ้าน และบริเวณที่ปลูกในบ้านต้องไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าถึงได้ (เช่น เด็กๆในบ้านต้องไม่สามารถเข้าถึงได้) และมีมาตรการภาษีกัญชา เป็นต้น จึงสรุปได้ว่า แม้ประเทศที่ปล่อยให้มีการใช้กัญชาอย่างเสรีที่สุด คือ สามารถใช้เพื่อนันทนาการได้ ยังมีมาตรการควบคุมที่เข้มข้น เพราะเล็งเห็นโทษที่จะตามมาหากปล่อยให้มีการใช้กัญชาในทางที่ผิดมากๆ จึงไม่มีประเทศใดในโลกที่กำหนดให้มีนโยบายกัญชาเสรีโดยไม่มีการควบคุมใดๆ
4.เงื่อนไขสำคัญที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ที่มีรองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม เป็นประธาน มีมติเห็นชอบในวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๕ ต่อประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับนี้ แต่ให้มีผลบังคับใช้ใน ๑๒๐ วัน คือ เพื่อให้มีการกำหนดมาตรการควบคุมการใช้ในทางที่ผิด (เช่น สูบดอกกัญชาเพื่อการนันทนาการ) อย่างเพียงพอ ก่อนที่ประกาศฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้จริงๆ
และยังได้อภิปรายในที่ประชุมว่าสามารถที่จะขยายเวลาออกไปได้อีกหากยังไม่มีมาตรการควบคุมการใช้ในทางที่ผิด จึงมีความชอบธรรมอย่างยิ่งที่คณะกรรมการ ป.ป.ส. จะพิจารณาชะลอการบังคับใช้ประกาศฉบับนี้ไปก่อน และจะยิ่งเป็นความสง่างามของกระทรวงสาธารณสุข หากกระทรวงสาธารณสุขจะพิจารณาเสนอให้ชะลอการบังคับใช้ประกาศฉบับนี้ด้วยตนเอง เพื่อปกป้องสุขภาพของเยาวชนและประชาชน เนื่องจากยังไม่มีมาตรการควบคุมการใช้ในทางที่ผิดอย่างเพียงพอ