ควบคุม "เตาเผาศพ" แหล่งกำเนิดมลพิษ ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม

ควบคุม "เตาเผาศพ" แหล่งกำเนิดมลพิษ ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม

ราชกิจจานุเษกษา กำหนด "เตาเผาศพ" เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียออกสู่สิ่งแวดล้อม บังคับใช้ในเขตกทม. เมืองพัทยา เทศบาลนคร เทศบาลเมือง และในเขตพื้นที่อื่น บังคับเมื่อพ้นกำหนด 3 ปี นับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศในราชกิจจานุเษกษากำหนดให้ "เตาเผาศพ" เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียออกสู่สิ่งแวดล้อมพ.ศ. 2565 ใช้บังคับกับเตาเผาศพในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา เขตเทศบาลนครและเขตเทศบาลเมือง และในเขตพื้นที่อื่น ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามปี นับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา

 

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า ปัญหาเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับเขม่าควันและกลิ่นจากการเผาศพมีอยู่เป็นระยะ โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดซึ่งมีการเผาศพจำนวนมากและมีการเผาพร้อมกันหลายวัด บางวัดเตาเผาศพยังไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ทำให้ประชาชนโดยเฉพาะในเขตชุมชนได้รับผลกระทบจาก มลพิษทางอากาศ ที่เกิดขึ้นจากการเผาศพ ได้แก่ กลิ่น ควัน รวมถึงฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน(PM2.5) ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และขี้เถ้าจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง

 

ซึ่งมาจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์หรืออุณหภูมิไม่สูงพอ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนและมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในชุมชนใกล้เคียง สำหรับองค์ประกอบของกลิ่นเผาศพจะประกอบด้วยก๊าซหลายชนิด เช่น แอมโมเนีย ไฮโดรเจนซัลไฟด์ เมอร์แคปแทน และฟอร์มาลดีไฮด์จากนํ้ายารักษาศพ เป็นต้น

นายอรรถพล กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมมลพิษ เห็นสมควรปรับปรุงการกำหนดให้เตาเผาศพเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ ที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียออกสู่สิ่งแวดล้อม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 68 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535

 

โดยได้ประสานงานพร้อมประชุมรับฟังความคิดเห็นกับสำนักงานสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติและจากทุกภาคส่วน และเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องกำหนดให้เตาเผาศพเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสีย ออกสู่สิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2565 เมื่อวานนี้ (วันที่ 22 มิถุนายน 2565)

 

โดยประกาศนี้ให้ใช้บังคับกับเตาเผาศพในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา เขตเทศบาลนครและเขตเทศบาลเมือง ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป และในเขตพื้นที่อื่น ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามปี นับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ปัจจุบันมีจำนวนวัดทั่วประเทศทั้งหมด 42,655 วัด มีจำนวนเตาเผาศพประมาณ 25,500 เตา เป็นเตาเผาศพในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา เทศบาลนคร และเทศบาลเมือง ประมาณ 8,000 เตา และเป็นเตาเผาศพในพื้นที่อื่น ประมาณ 17,500 เตา

 

และจากการสำรวจของ คพ. พบว่า เตาเผาศพ ในกรุงเทพมหานครและเมืองใหญ่สามารถควบคุมมลพิษได้ตามมาตรฐานอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นเตาเผาแบบ 2 ห้องเผาแล้ว และผู้ควบคุมเตาเผาศพปลอดมลพิษ จะต้องมีการควบคุมอุณหภูมิตลอดการเผาศพให้สูงกว่า 800 องศาเซลเซียส ซึ่งหากมีการจัดการและควบคุมเตาที่ดีจะสามารถเผาและทำลายสารมลพิษทางอากาศ รวมทั้งควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโรคและไม่สร้างผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน