สปสช.แจงรพ.มงกุฎวัฒนะลดรับสิทธิบัตรทอง ประสาน กทม.รับช่วงดูแลผู้ใช้สิทธิ
เลขาธิการ สปสช. ชี้ เข้าใจเหตุผลความจำเป็นของโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะต้องลดรับสิทธิบัตรทองที่ขึ้นทะเบียนปฐมภูมิ เผยกำลังประสาน กทม. ให้ศูนย์บริการสาธารณสุขรับช่วงดูแลผู้ใช้สิทธิบัตรทองที่ได้รับผลกระทบ
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงกรณีที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ขอคืนประชากรสิทธิบัตรทองหรือสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่ขึ้นทะเบียนปฐมภูมิโดยตรงกับโรงพยาบาลเป็นการเร่งด่วน เนื่องจากเกิดปัญหาความแออัด มีผู้ป่วยมากเกินพื้นที่ใช้สอยที่มีอยู่ในปัจจุบัน
โดยระบุว่า สปสช. เข้าใจเหตุผลเรื่องความแออัดจนต้องขอลดจำนวนประชากรที่ขึ้นทะเบียนปฐมภูมิเพื่อความสะดวกในการให้บริการ และต้องขอขอบคุณโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ที่ได้ช่วยเหลือดูแลประชาชนผู้ใช้สิทธิบัตรทองมายาวนานกว่า 12 ปี
นพ.จเด็จ กล่าวต่อไปว่า ได้รับจดหมายขอคืนประชากรจาก รพ.มงกุฎวัฒนะแล้ว ซึ่งตามกฎหมายถือเป็นการขอเลิกสัญญากับ สปสช ซึ่งโดยสัญญาการบอกเลิกในกรณีนี้จะมีผลในวันที่ 1 ตุลาคม สปสช จะมีกระบวนการในการย้ายสิทธิประชาชนหลังจากมีการยกเลิกสัญญา
- ประสานกทม.ดูแลผู้ใช้สิทธิบัตรทองที่ได้รับผลกระทบ
ในส่วนของประชากรสิทธิบัตรทองที่เคยขึ้นทะเบียนปฐมภูมิกับโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะนั้น สปสช. จะต้องหาหน่วยบริการอื่นมารับช่วงดูแลเพื่อไม่ให้สิทธิในการรับบริการขาดตอน ประกอบกับ กทม. โดยผู้ว่าชัชชาติ มีนโยบายพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิและเป็นเจ้าภาพระบบปฐมภูมิใน กทม.
สปสช.จึงจะได้หารือ กทม. ในการมอบหมายให้ศูนย์บริการสาธารณสุขในสังกัด เป็นเจ้าภาพรับดูแลผู้ใช้สิทธิกลุ่มนี้ต่อ โดยประชาชนจะถูกขึ้นทะเบียนหน่วยบริการปฐมภูมิกับศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้านโดยอัตโนมัติ ทำให้สามารถเข้ารับบริการสุขภาพได้ต่อเนื่องไม่ขาดตอน และหากไม่สะดวกไปรับบริการที่ศูนย์บริการสาธารณสุขที่ สปสช. เลือกให้ ก็สามารถย้ายหน่วยบริการปฐมภูมิในภายหลังได้เช่นกัน
ขณะเดียวกัน สปสช. ยังมีนโยบายยกระดับบัตรทองให้เข้ารับบริการปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ ดังนั้นในระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ หากมีความจำเป็นหรือไม่สะดวกไปรับบริการที่ศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้าน ผู้ใช้สิทธิบัตรทองที่เคยขึ้นทะเบียนกับโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะก็ยังสามารถไปรับบริการที่หน่วยบริการปฐมภูมิอื่น หรือ คลินิกชุมชนอบอุ่น ที่อยู่ในเครือข่าย สปสช. ได้อีกด้วย
- แนะผู้ใช้สิทธิบัตรทองสงสัย สอบถามสายด่วนสปสช.1330
"หากผู้ใช้สิทธิบัตรทองที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้มีข้อสงสัยหรือต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม สามารถโทรมาที่สายด่วน สปสช. 1330 ทางเฟสบุ๊คสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือไลน์ไอดี @nhso ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้ข้อมูลหรือประสานงานแก้ปัญหาให้ท่านอย่างไม่ชักช้า" นพ.จเด็จ กล่าว
นพ.จเด็จ กล่าวอีกว่า ในส่วนของข้อเรียกร้องของโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะที่ต้องการให้ สปสช. เป็นตัวหลักในการประสานงานกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เพื่อขออนุมัติเพิ่มจำนวนเตียงจาก 440 เตียง เป็น 750 เตียง เพื่อให้สามารถรองรับคนไข้ส่งต่อมากขึ้นนั้น สปสช.ยินดีเป็นตัวกลางประสานงานกับ สบส. ในประเด็นนี้ เพราะการเพิ่มจำนวนเตียงมากขึ้น ก็จะทำให้ผู้ใช้สิทธิบัตรทองมีโอกาสได้เข้าถึงบริการเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
อนึ่ง เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2565 พล.ต.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊ค ระบุว่า เนื่องจากผู้ใช้บริการโรงพยาบาลมีจำนวนมากจนเกิดความแออัด ถึงแม้จะมีการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่อีกมากกว่า 30,000 ตารางเมตร แต่จะเปิดให้บริการได้ในปลายปี 2566 ดังนั้น
โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะจะลดความแออัดของผู้ใช้บริการดังนี้
1. ส่งคืนผู้ป่วยสิทธิบัตรทองที่ขึ้นทะเบียนปฐมภูมิกับโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะทั้งหมด โดยจะส่งคืน สปสช.จำนวน 70,000 คน
2.ลดจำนวนรับการส่งต่อผู้ป่วยสิทธิบัตรทองจากหน่วยต่างๆของ สปสช ลงกึ่งหนึ่ง จาก 300,000 คนคงเหลือ 150,000 คน
3.ลดจำนวนผู้ประกันตนตามสิทธิประกันสังคมลงกึ่งหนึ่งจาก 120,000 คน คงเหลือ 60,000 คน ทั้งนี้จะเริ่มดำเนินการโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ปัญหาความแออัดในโรงพยาบาล เป็นภาระแก่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะเพียงฝ่ายเดียวอีกต่อไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 หรือช่องทางระบบออนไลน์ทั้งไลน์ สปสช. ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 และ Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ https://www.facebook.com/NHSO.Thailand