‘รถแห่’ ความบันเทิงเคลื่อนที่ เวทีแจ้งเกิดนักร้องน้องใหม่

‘รถแห่’ ความบันเทิงเคลื่อนที่ เวทีแจ้งเกิดนักร้องน้องใหม่

คอนเสิร์ตบ้านๆ บนรถหลากหลายรูปแบบ ที่กลายเป็น 'ธุรกิจหลักล้าน' สวนทางกระแสเศรษฐกิจ

 

ในช่วงเวลา 3-4 ปีมานี้ ในภาคบันเทิงชนบท ธุรกิจรถแห่เปรียบเสมือนตัวแทนความบันเทิงเคลื่อนที่ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง เพราะรถคันเดียวสามารถสร้างความบันเทิงได้เต็มรูปแบบ ดังกระหึ่มเร้าใจคนฟัง พอได้ยินแล้วต้องลุกขึ้นมายักย้ายส่ายเอวตามจังหวะ

แถมบางคันมีครบเครื่อง ทั้งนักร้อง นักดนตรีที่เล่นสด ร้องสด และสามารถเป็นเวทีแจ้งเกิดให้กับนักร้องศิลปินมากหน้าหลายตา รวมถึงในยุค 'สื่อใหม่' อย่างสื่อออนไลน์ต้องมีการไลฟ์สดเพื่อดึงดูดแฟนคลับที่มีอยู่ทั่วทุกสารทิศ และเกือบทุกสำนักต่างมีเพจในเฟซบุ๊กและมีช่องของตนเองทางยูทูบเพื่อสื่อสารกับแฟนคลับ ไม่ต้องมีบริษัทยักษ์ใหญ่ให้การช่วยเหลือ อาศัยเพียงช่องทางการสื่อสารสมัยใหม่ก็ทำให้ธุรกิจบันเทิงประเภทนี้เติบโตและสร้างเม็ดเงินมหาศาล

หลายเหตุผลที่ทำให้ธุรกิจรถแห่ได้รับความสนใจและถูกจ้างงานอย่างคับคั่ง สาเหตุหลักอาจจะเป็นเพราะเจ้าภาพงานบุญงานบวชต้องการความบันเทิงขนาดย่อมที่ไม่ต้องลงทุนมากนัก แต่สามารถสร้างความสนุกและทำให้งานมีสีสัน โดยเฉพาะงานบวชที่แต่เดิมนิยมใช้กลองยาว หรือบางทีก็มีรถเครื่องเสียงมาร่วมแห่นำหน้า นำขบวน เริ่มตั้งแต่ยุครถสาลี่เข็นน้ำ ยกระดับเป็นรถกระบะ จนกระทั่งมาสู่รถเครื่องเสียงแบบหกล้อและพุ่งทะยานมาสู่ ‘ธุรกิจรถแห่หลักล้าน’ ที่กำลังได้รับความนิยมขณะนี้

 

  • เวทีแจ้งเกิดศิลปินภูธร

ธุรกิจรถแห่ที่ทุกวันนี้มีอยู่ไม่ต่ำกว่า 500 คันทั่วประเทศ ส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ภาคอีสานและมีการรวมตัวกันเป็น ชมรมรถแห่แห่งประเทศไทย เพื่อความเป็นกลุ่มก้อนและช่วยเหลือกันมากขึ้น มีการเปิดเฟซบุ๊กเพื่อสื่อสารกันในกลุ่ม

หนึ่งในสมาชิกชมรมรถแห่แห่งประเทศไทยนั้น ชื่อของ อุทัย โพธิ์จันทร์ วัย 30 ปี เจ้าของสำนักงานผญาชัย อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ที่เปิดเป็นสำนักงานกลางในการเชื่อมประสานรถแห่ในสังกัดของเขาที่มีอยู่ 3 คันดูเหมือนจะเป็นเจ้าที่มีคนพูดถึงมากที่สุด เพราะมีศิลปินตัวขายอย่าง 'ใบปอ รัตติยา' โดยอุทัยเป็นผู้จัดการที่คอยรับงานให้กับรถแห่ในสังกัดและดูคิวให้กับนักร้องนักดนตรีในทีม เขาเริ่มธุรกิจนี้มาประมาณ 6-7 ปีก่อน ตั้งต้นจากรถกระบะใส่เครื่องเสียงไปออกรับงาน ยกระดับเป็นรถหกล้อและเติบโตเป็นรถบัสแบบออดิโอจัดเต็มเหมือนทุกวันนี้

“ตอนนี้รถแห่ของผมมีอยู่ 3 คัน แต่ละคันก็มีเจ้าของคนละคนกัน ผมมีหน้าที่รับงาน ติดต่อประสาน คุยเรื่องค่าตัว จัดคิวนักแสดง ทุกอย่างจะจบที่สำนักงานเรา เป็นตัวกลางเหมือนสำนักงานหมอลำสมัยก่อน จุดเด่นคือเรามีนักร้องของเราเอง มีนักดนตรีเอง เรามีแฟนคลับของเรา มีเพจในเฟซบุ๊ก มีการอัพเพลงใหม่ๆ ของนักร้องใบปอ รัตติยา ผ่านทางยูทูบ เราสื่อสารกับแฟนคลับของเราทุกทางทำให้ได้รับความนิยมและมีงานเข้ามาเรื่อยๆ แต่ก่อนสมัยไม่มีนักร้อง ไม่มีนักดนตรี รับงานวันละ 3 ครั้งคือ เช้า บ่ายและเย็น แต่ตอนนี้รับมากไม่ได้ รับแค่ช่วงบ่ายงานเดียวและพอเย็นก็เป็นงานโชว์ตัวของนักร้องในสังกัดซึ่งมีคิวยาวไปอีกหลายเดือน” อุทัย ผู้จัดการสำนักงาน เล่าถึงธุรกิจรถแห่ที่คลุกคลีมานาน

 

  ใบปอ รัตติยา - นักร้องขวัญใจรถแห่

ใบปอ รัตติยา - นักร้องขวัญใจรถแห่

 

  • ลงทุนหลักหมื่นถึงล้าน

สำหรับการลงทุนนั้น อุทัยบอกว่า เมื่อ 7 ปีก่อนเริ่มต้นจากรถกระบะที่เอาใส่เครื่องเสียงไปแสดงตามงานบวช เพราะงานบวชปกติจะต้องจ้างดนตรี จ้างกลองยาว พอกลองยาวหายากขึ้น ราคาแพงขึ้นคนก็หันมาสนใจรถเครื่องเสียง ตนจึงลงทุนทำรถเครื่องเสียงเป็นรถกระบะเปิดเพลง ขยับเป็นมีคีย์บอร์ด ลงทุนช่วงแรกอยู่ที่ประมาณ 1 แสนบาท เวลารับงานราคาคุยกันได้ที่ประมาณ 3-4 พันบาทเล่นแห่ได้ 2 ชั่วโมง 

แรกๆ เปิดเพลงอย่างเดียว หลังๆ มีอิเล็กโทนก็ขอเพลงได้ พอขอเพลงได้ต้องมีนักร้องติดรถไปด้วยค่าตัวก็จะเพิ่มขึ้น พอได้รับความนิยม 4 ปีต่อมาก็ขยับมาเป็นรถ 6 ล้อ เครื่องเสียงใหญ่ขึ้น ดังขึ้น ลงทุนมากขึ้น มีนักดนตรี นักร้องแสดงสดบนรถ ขอเพลงได้ ได้ใจเจ้าภาพมากยิ่งขึ้น ลงทุนเพิ่มอีกประมาณ 4-5 แสนบาท ค่าจ้างตกประมาณ 1 หมื่นบาทและช่วงนี้มีการแข่งขันกันสูงขึ้น มีเจ้าของธุรกิจมากขึ้น กระแสตอบรับดีขึ้นจนกระทั่งเมื่อ 3 ปีถัดมา มาลงตัวที่รถบัสหรือรถแห่ที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน

“รถแห่รุ่นใหม่ที่ตกแต่งสวยงาม ต่อรถบัสกันออกมาในรูปแบบใหม่ การลงทุนเป็นหลักล้าน บางคัน 2-3 ล้านบาท เพราะต้องปรับปรุงทุกปี หากไม่ปรับปรุงเพื่อนผู้ประกอบการคนอื่นก็แซงหน้าไป เราก็จะตกรุ่น ราคารับงานแต่ละครั้งประมาณ 2.5 หมื่นบาทแล้วแต่ใกล้ไกล ระยะเวลาแสดง 3 ชั่วโมงเท่ากัน แต่ถ้าหากเจ้าภาพอยากได้ใบปอ รัตติยาไปแสดงด้วยก็จะต้องคุยกันอีกราคาหนึ่ง เพราะปกติใบปอ เขามีงานที่รับประจำอยู่แล้วเพราะมีงานโชว์ตัวและร้องเพลงตอนกลางคืน เฉพาะใบปอคิวกลางคืนรับงานประมาณ 4 หมื่นบาท”

อุทัยเล่าต่อถึงความนิยมที่รถแห่ได้รับความนิยมในเวลาอันรวดเร็วว่า ถือเป็นสิ่งแปลกใหม่เพราะเป็นความบันเทิงเคลื่อนที่ รถสามารถวิ่งไปได้รอบหมู่บ้าน ไม่ต้องมารอตั้งเวที ไม่ต้องมารอตั้งเครื่องเสียง พอขับรถไปถึงนักร้องนักดนตรีพร้อมเล่นสดทันที ขอเพลงได้ ทั้งเพลงเก่าและเพลงใหม่ถูกใจแฟนคลับ แฟนคลับก็จะมีทุกเพศทุกวัย การแข่งขันแข่งกันที่เสียงดัง ความกระหึ่ม เครื่องเสียงดี โดยของออดิโอมหาสารคามเน้นเรื่องเสียงที่ละเอียด แน่น เปิดดังแค่ไหน เสียงก็ไม่แตก

 

  • สะดุดเพราะถูกห้ามแสดง

ปี 2561-2562 ธุรกิจรถแห่คึกคักไปแพ้เสียงดนตรีที่ดังกระหึ่ม ซึ่งนอกจากเสียงที่อาจจะสร้างความเดือดร้อนรำคาญได้แล้วยังพ่วงด้วยปัญหาวัยรุ่นตีกันที่หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ  

"ช่วงนั้นมีงานเข้ามาทุกวันจนรับไม่หวาดไม่ไหว กระทั่งมาเจอปัญหาเรื่องการสั่งห้ามแสดงเพราะบอกว่ารถแห่เป็นสาเหตุให้วัยรุ่นตีกัน ทำให้ธุรกิจซบเซาไปมาก บางคนรับงานแล้วไปแสดงไม่ได้ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ ทางรถแห่จึงได้ตั้งชมรมรถแห่ขึ้นมาและเดินหน้าเข้าไปร้องขอความช่วยเหลือเพราะเราลงทุนไปเยอะ หากไม่ให้แสดงเลยก็จะต้องกระทบมาก เพราะเป็นหนี้เป็นสินกัน ตอนนี้ถือว่าดีขึ้นเพราะสามารถแสดงได้ไม่มีการห้าม แต่จะมีอยู่บางพื้นที่ในบางอำเภอของจังหวัดนครราชสีมาที่ยังห้ามอยู่ เพราะเป็นมติของอำเภอเขาที่ออกระเบียบกันมาเองแต่ก็ถือเป็นเรื่องดีเพราะนอกจากในพื้นที่ภาคอีสานก็ยังมีพื้นที่อื่นๆ อย่างภาคเหนือ ภาคใต้ที่อยากให้เราไปแสดงแต่ก็ไปไม่ได้ เพราะรับงานในพื้นที่ภาคอีสานไว้แล้ว หากไปต้องเดินทางหลายวันและอาจจะทำให้งานที่รับไว้ทางนี้เสียหาย” อุทัย บอก

ส่วนปัญหาวัยรุ่นตีกันเขาบอกว่าตอนนี้เริ่มน้อยลง เพราะหากวัยรุ่นต่อยตีกันในงาน ทางรถแห่ก็จะหยุดเล่น หยุดแสดง ทำให้เจ้าภาพได้รับความเดือดร้อน วัยรุ่นที่มาเลยไม่กล้าตีกัน อีกสาเหตุอาจจะเป็นเรื่องของแฟนคลับ เพราะส่วนใหญ่วัยรุ่นที่มาชมการแสดงจะเป็นแฟนคลับที่ติดตามศิลปินของตนเอง เวลามาชมจึงเน้นมาฟังเพลง มาเต้น มาขอเพลง มาสนุก จึงไม่ตีกัน

ในมุมมองของอุทัย ธุรกิจรถแห่ก็คือความบันเทิงหรือมหรสพอย่างหนึ่ง การจัดงานบันเทิงรื่นเริง งานบวช งานบุญต้องมีมหรสพ ประกอบกับรถแห่ราคาค่าจ้างไม่แพง เล่นมีเวลา การแสดงจัดเต็ม ทำให้ได้ใจเจ้าภาพ ไม่ต้องยืดเยื้อ ทำให้ได้รับความนิยมมาก แถมธุรกิจนี้ยังสร้างรายได้ให้กับหลายส่วน ทั้งนักร้อง นักดนตรี คนขับรถ เวลาไปแสดงที่ไหน พ่อค้าแม่ค้าในท้องถิ่นก็ออกมาจำหน่ายสินค้ากัน แถมหากมีการต่อรถแห่เยอะ ๆ ธุรกิจอู่ต่อรถก็มีรายได้เข้ามาอีก เรียกว่าต่อลมหายใจให้กับคนในระดับรากหญ้าที่อาจจะเคยงานน้อย งานหด กลับมาคึกคักอีกครั้ง

 

  ออดิโอ รถแห่มหาวสรคาม

ความคึกคักของมหรสพรถแห่ 'ทีมออดิโอ มหาสารคาม'

  • รถแห่ในสมรภูมิการแข่งขัน

เช่นกันกับ อดุลย์ เวียงดินดำ วัย 52 ปี เจ้าของรถแห่ซาวา อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ที่ก่อนหน้านี้เคยพาสมาชิกมาร้องเรียนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น เพราะประสบปัญหาไม่สามารถไปแสดงงานได้เนื่องจากถูกสั่งห้าม แต่วันนี้อดุลย์บอกว่าการแก้ไขปัญหาดีขึ้นเพราะทุกพื้นที่เปิดให้รับงานได้ เนื่องจากก่อนเปิดงานแสดงแต่ละครั้งเจ้าภาพต้องไปขออนุญาตใช้เสียงและขอตำรวจมาดูแลไม่อย่างนั้นรถแห่จะไม่สามารถไปแสดงได้

“ตอนนี้เริ่มกลับมาดีขึ้นรับงานได้เหมือนเดิม แต่ก็ยังไม่มากเหมือนเมื่อก่อนเพราะการแข่งขันสูง ธุรกิจรถแห่ออกมากันเยอะมาก รุ่นใหม่ๆ ก็ลงทุนกันไปเยอะคันละ 3-4 ล้าน บางคนไม่ใช่ทำเป็นแค่รถบัสแล้ว ตอนนี้ออกมาแบบเป็นตู้คอนเทนเนอร์เลยก็มี คาดว่าอีกไม่กี่ปีก็ถึงจุดอิ่มตัว เพราะยิ่งแข่งขันเยอะก็ตัดราคากันลง ทำให้ราคาต่ำ คนที่จะเดือดร้อนคือคนที่ลงทุนมากเป็นหนี้หาเงินจ่ายไม่ทัน” อดุลย์ แสดงความกังวล

เขาว่าตอนนี้รถแห่เกือบทุกคันรับงานกันไปถึงก่อนเข้าพรรษา พอเข้าพรรษาฝนตกก็ไม่มีงานแสดงที่ไหน จะได้รับอีกทีก็ตอนออกพรรษา มีงานบุญกฐิน งานบุญงานบวชเข้ามา แต่อย่างไรก็ตามขอให้เจ้าภาพมาจ้างงานก็พอไม่เช่นนั้นผู้ประกอบการก็คงจะต้องเดือดร้อนอีกแน่ ตอนนี้รถแห่ของเขาเองรับงานอยู่ที่ประมาณ 16,000 – 17,000 บาท พร้อมดนตรีสดและนักร้องนักดนตรีเวลาแสดง 3 ชั่วโมงซึ่งเป็นกฎตายตัว และรับงานได้ทั้งกลางวันและกลางคืน

“สำหรับผมมองว่ารถแห่มันเหมือนโรงเรียนฝึกการแสดงดนตรี และเหมือนเวทีแสดงออกของน้องๆ นักร้องนักดนตรีรุ่นใหม่ หลายคนได้เป็นศิลปินเพราะเป็นนักร้องรถแห่ก็เยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นใบปอ รัตติยา, เบียร์ พร้อมพงษ์, ออย แสงศิลป์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เคยแสดงและร้องเพลงบนรถแห่ทั้งนั้น ตอนนี้แต่ละคนก็มีเพลงเป็นของตนเองและมีแฟนคลับมากมาย มีมิวสิควีดีโอให้ได้ชมด้วย นี่คือประโยชน์จากรถแห่ที่ไม่ต้องรอให้ค่ายใหญ่ๆ มาสนับสนุน เพราะทุกคนมีช่องทางมีสื่อออนไลน์เป็นพื้นที่นำเสนอผลงานได้อยู่แล้ว

ส่วนรถแห่แต่ละคัน อดุลย์บอกว่า “ทำถูกต้องตามกฎหมาย” มีการจ่ายภาษีรถถูกต้อง รายได้ก็ไม่ได้มากแบ่งกันแล้วเจ้าของรถก็ได้เข้ากระเป๋าตามสมควรและมองว่าธุรกิจนี้สร้างประโยชน์ให้คนมากมายไม่ใช่เฉพาะเจ้าของรถเท่านั้น

ตราบใดที่ธุรกิจรถแห่ไม่แข่งขันกันมากจนต้องลดราคาสู้กันเอง ตราบนั้นธุรกิจนี้ยังจะสามารถทำมาหากินได้ต่อไป และสร้างความบันเทิงเคลื่อนที่ให้กับเมืองชนบทได้เหมือนเดิม