ทรัมป์ชนะจ่อกระทบถึง 'ชายแดนไทย' อาจยกเลิกส่งผู้ลี้ภัยไปประเทศที่สาม
ผู้เชี่ยวชาญเผยชัยชนะของทรัมป์จ่อกระทบมาถึงชายแดน 'ไทย-เมียนมา' สหรัฐอาจระงับส่งผู้ลี้ภัยตามแนวชายแดนไทย 60,000 คน ไปยังประเทศที่สาม และขึ้นภาษีสินค้าส่งออกไทย
หลังจากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 พ.ย. นายฟิล โรเบิร์ตสัน ผู้อำนวยการองค์กรสิทธิมนุษยชนและแรงงานแห่งเอเชีย (AHRLA) เปิดเผยวันนี้ (7 พ.ย.) กับ "กรุงเทพธุกิจ" ว่า เมื่อทรัมป์เข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ คาดว่าจะมีผลกระทบต่อโครงการส่งผู้ลี้ภัยทางการเมืองตามแนวชายแดนพม่าไปประเทศที่สาม โดย "ประเทศไทย" อาจจะมีปัญหาไม่สามารถดำเนินการโครงการส่งต่อผู้ลี้ภัยทางเมืองต่อไปได้ เพราะว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษยชน
ก่อนหน้านี้รัฐบาลไทยและสหรัฐได้ตกลงกันที่จะส่งผู้ลี้ภัย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชนกลุ่มน้อยในพม่าจำนวนประมาณ 60,000 คน ที่อาศัยอยู่ในศูนย์อพยพ 9 แห่งตามแนว
ชายแดนประเทศไทย ไปพำนักถาวรในประเทศที่สาม และไทยจะปิดศูนย์อพยพ แต่หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา พรรคเดโมแครตซึ่งเป็นรัฐบาลในขณะนี้พ่ายแพ้ ซึ่งอาจทำให้โครงการดังกล่าวคงถูกยกเลิกไป
นอกจากปัญหาเรื่องการส่งผู้อพยพแล้ว คาดว่าสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์จะดำเนินนโยบายกีดกันการค้า โดยจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศอย่างน้อย 10% ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของประเทศไทยด้วย เนื่องจากตลาดสหรัฐเป็นตลาดส่งออกขนาดใหญ่อันดับหนึ่งของไทย
โรเบิร์ตสันยังระบุว่า อาจจะเกิดวิกฤติทั้งในสหรัฐและในโลกภายใต้การนำของประธานาธิบดีคนใหม่ซึ่งจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในเดือน ม.ค. ปีหน้า เขาคาดว่าจะเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายหรือวิกฤตในสหรัฐหากทรัมป์ดำเนินนโยบายตามที่หาเสียงไว้ เช่น การจับกุมและขับออกนอกประเทศกลุ่มผู้ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐมาหลายปี แต่ยังไม่ได้มีฐานะเป็นพลเมืองของสหรัฐ
มีความเป็นไปได้ว่าชาวต่างชาติโดยเฉพาะที่มาจากประเทศแถบลาตินอเมริกาจะ "ถูกเนรเทศ" โดยเฉพาะคนรุ่นปู่และรุ่นพ่อแม่ จะถูกส่งกลับประเทศตนเอง ในขณะที่รุ่นลูกที่เกิดในสหรัฐและได้สัญชาติสหรัฐโดยอัตโนมัติจะยังคงสามารถอาศัยอยู่ในสหรัฐต่อไปได้ ซึ่งการเนรเทศจะเกิดการแบ่งแยกครอบครัว แยกพ่อแยกแม่ออกจากลูกๆ
การกระทำเช่นนี้อาจจะก่อชนวนให้มีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนและรัฐต่างๆ โดยเฉพาะรัฐที่มีผู้ว่าการรัฐเป็นสมาชิกของพรรคเดโมแครตก็อาจจะไม่ยอมทำตามนโยบายของทรัมป์ซึ่งสั่งมาจากรัฐบาลกลาง
โรเบิร์ตสันซึ่งเป็นอดีตประธานกลุ่มชาวอเมริกันที่เป็นสมาชิกพรรคเดโมแครตในไทย ยังกล่าวว่า ทรัมป์อาจจะแต่งตั้งข้าราชการที่ไม่มีความสามารถแต่มีความใกล้ชิดและเป็นผู้ภักดีต่อตนเอง ซึ่งจะทำให้งานราชการไม่สามารถให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังอาจจะเข้าไปแทรกแซงกระทรวงยุติธรรม ขบวนการยุติธรรมเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการลงโทษผู้ว่าการรัฐที่เป็นศัตรูของเขา เนื่องจากทรัมป์เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นและคิดจะตอบโต้คนที่เขามองว่าเป็นศัตรู และทรัมป์ยังอาจจะใช้นโยบายจำกัดสิทธิของผู้หญิงในการทำแท้งซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาการประท้วงหรือการต่อต้านจากกลุ่มผู้หญิงได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายในสหรัฐอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
โรเบิร์ตสันกล่าวต่อไปว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดสงครามการค้าโลก เพราะทรัมป์จะตั้งกำแพงภาษีสูงเพื่อกีดกันสินค้าจากประเทศต่างๆ โดยเฉพาะจากประเทศจีนที่อาจจะสูงถึง 60% หรือมากกว่า นอกจากนี้กลุ่มเผด็จการ เช่น ประธานาธิบดีคิมจองอึน แห่งเกาหลีเหนือ ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม หรือเผด็จการในเมียนมา จะพากันชื่นชอบทรัมป์เพราะเขาไม่มีความเชื่อในเรื่องสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย แต่มีความเชื่อเฉพาะการรวบอำนาจไว้กับตัวเองให้มากที่สุด