ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 ‘ทรัมป์’ ชนะ ได้อย่างไร? | กันต์ เอี่ยมอินทรา

ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 ‘ทรัมป์’ ชนะ ได้อย่างไร? | กันต์ เอี่ยมอินทรา

เปิดเหตุผลหนุนทรัมป์เป็นประธานาธิบดี ปัจจัยหลักคือผลงานที่พรรคเดโมแครตทิ้งไว้ ทั้งเรื่องผู้อพยพเข้าเมือง การจัดการสงครามยูเครนและสงครามในกาซา และปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้ยังมีประเด็นแนวคิดชายเป็นใหญ่ที่ยังคงมีอยู่ ทำให้แฮร์ริสต้องพ่ายแพ้ไป

ผลัดใบการเมืองสหรัฐ เมื่อแนวโน้มว่าที่ผู้นำคนใหม่ จะชื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ที่คุ้นหู

มีหลายเหตุผลที่นักวิชาการและนักวิเคราะห์ต่างลงความเห็นตรงกันว่ามีน้ำหนักมาก อาทิ เรื่องของค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งคือเรื่องที่คนอเมริกันสนใจเหนือสิ่งอื่นใด เพราะปัญหาปากท้องนั้นคือปัญหาเฉพาะหน้าที่เห็นและทุกข์ร้อนอยู่ทุกวันของชนชั้นกลางหาเช้ากินค่ำในสหรัฐ ซึ่งคือประชากรกลุ่มใหญ่ที่สุดในประเทศ

ประเด็นรองๆ ลงมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการอพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย การเข้ามาแย่งงานคนท้องถิ่น ตลอดจนความปลอดภัยของคนท้องถิ่นก็ถูกนำมาใช้เป็นจุดแข็งทางการเมืองของทรัมป์ ซึ่งขณะเดียวกันก็เป็นประเด็นโจมตีฝ่ายตรงข้ามได้อย่างมีประสิทธิภาพอันเนื่องมาจากตัวเลขทางสถิติถึงจำนวนผู้อพยพ หรือแม้กระทั่งในเชิงคุณภาพที่ยกกรณีศึกษาความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับคนอเมริกันโดยผู้อพยพ

ประเด็นในทางเศรษฐกิจ แนวคิดตลาดเสรีและทิศทางต่อพลังงานสะอาดคืออีกหนึ่งอาวุธที่ทรัมป์นำมาใช้ประโยชน์ ด้วยแนวคิดอเมริกามาก่อน คือการรักษาผลประโยชน์ของชาติ ลดการขาดดุลต่อประเทศอื่น กีดกันทางการค้าและการย้ายฐานผลิตเพื่อรักษาตำแหน่งงานไว้ให้กับคนอเมริกัน ก็เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวที่คนอเมริกันให้น้ำหนักไม่น้อย

อีกประเด็นหนึ่งที่ไม่ได้ไกลตัวนักคือประเด็นเรื่องของการทำแท้งเสรี ซึ่งเป็นการต่อสู้กันทางความคิดของเสรีนิยมกับอนุรักษนิยม และศาสนา ด้วยความแตกต่างของคนชนบทที่ยังยึดถือขนบเดิม กับคนเมืองที่มีความคิดเสรีมากขึ้น ทรัมป์ได้ใช้ประเด็นนี้ไฮไลต์ความเป็นอนุรักษนิยมพ่วงไปกับความเคร่งครัดของศาสนิกชน และยิ่งโดดเด่นมากขึ้นหลังจากการโดนลอบสังหารสองครั้ง โดยพลิกวิกฤติเป็นโอกาสขายความเชื่อว่า หนึ่งในเหตุผลในการรอดตายนั่นคือพระประสงค์ของพระเจ้า

ประเด็นที่ดูเผินๆ ค่อนข้างไกลตัวคนอเมริกันทั่วไป นั่นคือประเด็นต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้มีความรุนแรงในระดับสงครามอยู่ถึง 2 แห่งในโลก นั่นคือยูเครนและฉนวนกาซา ที่สหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เข้าไปมีส่วนอย่างมากในยูเครน และการให้การสนับสนุนต่ออิสราเอลในการถล่มกาซา การไร้ความสามารถในการส่งอิทธิพลบังคับให้เกิดความสงบสุขในกาซาส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง

ปัจจุบันมีผู้ล้มหายจำนวนหลายหมื่นคน ไม่รวมจำนวนผู้สูญหายอีกนับหมื่น ไม่รวมผู้บาดเจ็บเรือนแสน ภายในระยะเวลา 1 ปีของความรุนแรงที่ยังไม่มีทีท่าจะสงบก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งสำหรับคนอเมริกันเชื้อสายมุสลิมที่ใช้เป็นสาเหตุในการลงโทษรัฐบาลพรรคแดโมเครตจากการไร้ความสามารถในการรักษาสันติภาพและมนุษยธรรม

ประเด็นทั้งหมดที่พูดนี้คือประเด็นที่สามารถพูดได้อย่างสะดวกปาก แต่ยังมีประเด็นที่เป็น Taboo หรือประเด็นอ่อนไหวที่คนส่วนใหญ่ไม่อยากพูดถึงอีก แต่เดิมมีทฤษฎีการเมืองของสหรัฐในแง่ของลักษณะของประธานาธิบดี ที่มักจะเป็น ผู้ชาย ผิวขาว นับถือศาสนาคริสต์ (WASP -White Anglo-Saxon Protestant) ที่ในที่สุดถูกทำลายลงหลังการขึ้นมาเป็นผู้นำของโอบามา แต่ต้องไม่ลืมว่า ยังมีคนจำนวนมากในสหรัฐที่ยังมีแนวคิดผู้ชายเป็นใหญ่ ตลอดจนความเชื่อในความสูงส่งของคนผิวขาว

และประเด็นสุดท้ายนั่นคือความอ่อนแอของพรรคเดโมเคตรเองตั้งแต่การสนับสนุนประธานาธิบดีไบเดนให้เข้าชิงชัยอีกสมัยในช่วงแรก ทั้งที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงถึงวัยวุฒิและสมรรถภาพ จนในที่สุดจำต้องเปลี่ยนม้ากลางศึก ซึ่งทำให้คนอเมริกันเบื่อหน่ายและไม่เชื่อมั่นในพรรค จนทำให้เกิดโอกาสในการกลับเข้าสู่อำนาจของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์