ของดำมีดีกว่าที่คิด
คนจีนมีความเชื่อว่า หากได้นำของดำไปไหว้พระราหูแล้วจะเกิดโชคลาภ ไก่ดำ ขนมเปียกปูน(ดำ) ถั่วดำ ข้าวดำ ไข่ดำ (ไข่เยี้ยวม้า) จริงเท็จแค่ไหน
แต่ของดำ 3 อย่างนี้มีคุณค่าต่อร่างกายแน่นอน เริ่มจาก "ถั่วดำ" ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดีนั้นมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรตสูง ไขมันต่ำ สามารถป้องกันและรักษาโรคมะเร็ง เบาหวานและโรคอ้วนได้ แถมยังอุดมไปด้วยกากใย หรือไฟเบอร์
จากงานวิจัยพบว่า ผู้ที่บริโภคถั่วดำมากจะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจน้อยกว่าผู้ที่บริโภคถั่วดำน้อยหรือไม่บริโภค ขณะเดียวกันถัวดำยังมีคุณสมบัติช่วยล้างพิษในร่างกายได้ดีไม่แพ้ เพราะมีสารฟลาโวนอยด์ แถมยังอุดมไปด้วย แร่ธาตุต่างๆ เช่น โฟเลท แมกนีเซียม กรดแอลฟาลิโนริอิค วิตามิน บี 6 และเส้นใย
นอกจากนี้ยังส่งผลดีต่อผิวพรรณ เพราะสารแอนโทไซยานินช่วยเพิ่มการทำงานของคอลลาเจน ทำให้ผิวชุ่มชื้นและกระจ่างใส อีกทั้งลดเลือนรอยแดงจากสิว และป้องกันกระด้วยวิตามินอี ที่มีส่วนช่วยกระชับและคืนชีวิตชีวาสู่ผิวหน้า
ถัดมา“งาดำ” มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Sesamum orientale L. อยู่ในวงศ์ Pedaliaceae ชื่อสามัญคือ sesame มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศเอธิโอเปีย และถูกนำเข้าไปยังอินเดียและแพร่ต่อไปในจีน แอฟริกาเหนือ เอเซียใต้ และทวีปอเมริกา
ในประเทศไทย งาดำมีชื่อเสียงเป็นยามาแต่โบราณ หมออายุรเวทใช้งารักษาอาการเจ็บป่วยหลายๆอย่าง เช่น โลหิตจาง ริดสีดวงทวาร รักษาผิวหนังแตกไหม้ หรือน้ำร้อนลวก โดยเอางาบดผสมกับน้ำและน้ำมะนาวทาที่ผิวหนังหรือแผล หรือใช้บรรเทาอาการปวดท้องจากประจำเดือน
ประโยชน์งาดำ คือ ช่วยให้นอนหลับ กระปรี้กระเปร่า ป้องกันโรคเหน็บชา บำรุงกระดูก ป้องกันอาการท้องผูก ลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือดบรรเทาอาการริดสีดวงทวาร และช่วยบำรุงรากผม จึงควรจะรับประทานอย่างต่อเนื่องในรูปแบบของอาหาร เพราะจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้มีต้นทุนมาก เมื่ออายุมาก ชราลง ร่างกายจะแข็งแรงกว่าคนที่ละเลยไม่รับประทาน
ด้วยเหตุนี้ผู้ที่รับประทานมังสวิรัติจึงนิยมบริโภคงาควบคู่กับถั่ว เพื่อให้ได้โปรตีนจำเป็นสำหรับร่างกายครบถ้วน
ผศ.ดร. เรวดี จงสุวัฒน์. หัวหน้าภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลแนะนำว่า การรับประทานงาดำ ควรรับประทานเป็นอาหาร แทนที่จะรับประทานเป็นสารสกัด วิธีการรับประทานงาดำที่ดีที่สุดคือการเคี้ยว หากเราโรยข้าวหรือใส่เครื่องดื่ม บางครั้งไม่ได้เคี้ยว ร่างกายอาจจะดูดซึมไม่ได้เต็มที่
ถ้าเป็นวัยรุ่น วัยทำงานวันละ 3-4 ช้อน แต่ถ้าเป็นวัยสูงเพิ่มปริมาณ8-9 ช้อน
สุดท้าย “ข้าวสีนิล” เป็นข้าวที่ถูกมีการพัฒนาพันธ์ขึ้นมาใหม่ มีลักษณะเด่น คือ มีสีม่วงเข้ม ซึ่งเป็นสีของสารรงควัตถุ พวกแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) และโปรแอนโทไซยาซิดิน (Proanthocyanidin) ที่อยู่ในส่วนของปลายจมูกข้าว มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระที่ทำงานได้ดีกว่า วิตตามิน E ถึง 5 เท่า ช่วยลดริ้วรอยอันเกิดก่อนวัย บำรุงผิว และเมื่อนำข้าวสีนิลนั้นไปบำรุงเส้นผม และหนังศรีษะ จะช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม ลดการแตกหักของเส้นผม ช่วยให้ผมดำเงางาม รากผมเข็งแรง กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ดี จึงเป็นการกระตุ้นให้เส้นผมงอกได้เร็วขึ้น ทำให้ผมดกงามมีสุขภาพดี
เห็นประโยชน์ของดำแบบนี้ แล้วลองรับประทานเสริมสุขภาพกันดูซิคะ
ซาลาเปาไส้ถั่วงาดำ
ส่วนผสม
1. แป้งสาลี2 ถ้วย
2. น้ำตาลทราย1/4 ถ้วย
3. เกลือ 1/8 ช้อนชา
4. ยีสต์ 2 ช้อนชา
5. น้ำอุ่น 3/4 ถ้วย
6. ไส้ดำ
วิธีทำ
1. อ่างผสมใส่แป้งสาลี ยีสต์ น้ำตาล เกลือ เคล้าให้เข้ากัน ค่อยๆ เทน้ำใส่ นวดส่วนผสมจนเป็นก้อน นวดต่อจนแป้งเข้ากันดี (ประมาณ 10-15 นาที) สังเกตจากแป้งจะเนียนและนุ่ม ใส่ภาชนะปิดฝาหรือปิดด้วยฟิล์มถนอมอาหาร พักทิ้งไว้ ให้แป้งขึ้น 30 - 40 นาที
2. แบ่งก้อนแป้งปั้นเป็นก้อนกลมรีๆ เท่าๆ กัน แผ่แป้งออกให้ขอบๆ บาง ใส่ไส้ถั่วดำ ห่อเป็นก้อนกลม วางบนกระดาษเรียงใส่ถาด พักไว้10-15 นาที แล้วนำไปใส่ในลังถึงที่น้ำเดือด นึ่ง15 นาที
ส่วนผสมไส้
1.ถั่วดำ 250 กรัม
2.น้ำตาลทราย 300 กรัม
3.งาดำคั่วสุกบดละเอียด 100 กรัม
4.น้ำมันพืช 125 กรัม
5.แบะแซะ 50 กรัม
วิธีทำไส้
1.ถั่วดำแช่น้ำ 6 - 8ชั่วโมงให้นุ่ม ต้มให้สุกบดละเอียด
2.กวนถั่งแดงกับน้ำตาลทราย แบะแซะ เกลือป่น พอเริ่มแห้งใส่น้ำมันพืช
3.ใส่งาดำคั่วสุก ลงไปกวน จนส่วนผสมแห้ง ยกลงพักให้เย็นสนิท
4.ปั้นเป็นก้อนกลมก้อนละ 30 กรัม นำไปห่อกับแป้งซาลาเปาที่เตรียมไว้
ถั่วดำต้มน้ำตาลกะทิ
ส่วนผสม
1. ถั่วดำ 1 ถ้วย ล้างให้สะอาด แช่น้ำ 1-2 ช.ม.
2. หัวกะทิ
3. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
4. น้ำตาลปี๊บ
วิธีทำ
1. ต้มถั่วดำให้สุกนิ่ม
2. ใส่หางกะทิลงไป (ใช้กะทิ 1/3 ถ้วย + น้ำ 1/3 ถ้วย)
3. ต้มไปซักพัก ให้ถั่วดำดูดซึมน้ำกะทิ ใส่น้ำตาลปี๊บและเกลือ ชิมรสตามชอบ
4. พอน้ำตาลละลายหมด ก็ใส่กะทิที่เหลืออีก 1/3 ถ้วยลงไป พอเดือดก็ปิดไฟได้ ตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ