ปลาร้าทอด แซ่บลืมดิบ

ปลาร้าทอด แซ่บลืมดิบ

ชวนเข้าครัวไทยปรุงเมนูสดใหม่‘ปลาร้าทอดพริกสด’แซ่บลืมดิบห่างไกลจาก ‘โรคมะเร็งท่อน้ำดี’

อย่างที่รู้กันดีว่าสถิติการเสียชีวิตของคนในครอบครัวพี่น้องชาวอีสานด้วย‘โรคมะเร็งท่อน้ำดี’เกิดขึ้นถึงปีละ 14,000 คน หากคิดเป็นชั่วโมงแล้วการเสียชีวิตจะมีขึ้น 1 คนต่อชั่วโมง!! นี่คงไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ ที่พวกเรา จะทำนิ่งเฉยไม่ทุกข์ร้อนกับการสูญเสียดังกล่าว เพราะการจากไปของ 1 ชีวิต หมายถึงอนาคตและความเป็นอยู่ของคนที่เหลือในครอบครัว

ฉะนั้น หากพี่น้องชาวอีสานหรือภาคไหนๆ ก็ตาม ยังมีพฤติกรรม นิยมการรับประทานปลาน้ำจืดดิบๆ หรือกึ่งสุกกึ่งดิบอยู่แบบนี้ โอกาสที่ตัวอ่อนของพยาธิใบไม้ในตับจะเข้าไปจับจองเป็นเจ้าของพื้นที่ในผนัง‘ท่อน้ำดี’ แบบถาวรนั้นก็เห็นจะต้องพบกับจุดจบที่น่าเศร้าอยู่ไม่เว้นวัน

เพราะเหตุนี้จึงรณรงค์ให้พี่น้องชาวอีสานซึ่งถือเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ของการเสียชีวิตจาก‘โรคมะเร็งท่อน้ำดี’หันมาบริโภคอาหารประเภทปลาน้ำจืดที่ปรุงสุกสะอาด และการันตีได้ว่ามีรสชาติอร่อยคุ้นลิ้นชิม แล้วจะติดใจ เอาล่ะ มาเข้าครัวสไตล์ไทยอีสานปรุงแต่งเมนูบ้านๆ อย่างเจ้าปลาร้ากลิ่นแรงให้กลายเป็นเมนู หอมๆ อย่าง‘ปลาร้าทอดพริกสด’กันดูขั้นตอนไม่ยาก แต่จะทำอย่างไรบ้าง ไปปรุงพร้อมๆ กันเลยค่ะ


1.เตรียมปลาร้า

นำปลาร้าขนาดครึ่งฝ่ามือสัก 4-5 ตัว มาล้างน้ำสะอาดประมาณ 2-3 ครั้ง แต่ถ้าหากปลาร้ามีรสชาติค่อนข้างเค็มมาก ควรแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที ก่อนนำมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ(ควรเป็นปลาร้าที่หมักเอาไว้นาน
เกินกว่า 3 เดือนขึ้นไป)

2.เตรียมเครื่องเทศเตรียมไว้

เครื่องเทศที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นซึ่งพิสูจน์แล้วว่านำมาทอดกับปลาร้าได้เข้ากันดีมีรสชาติถึงเครื่อง ก็มีพริก
ขี้หนูสวนดิบสีเขียวอ่อน (พระเอกของจานขาดไม่ได้เลย), มะเขือเทศสีดาแดงสุกปลั่งหั่น 4 ซีก/ลูก,หอมหัวแดงปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ, กระเทียมกลีบเล็กๆ ไม่ต้องปอกเปลือกนำมาตำพอบุบ

3. นำส่วนผสมมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน

นำปลาร้า, พริกขี้หนูสวนดิบสีเขียวอ่อน, มะเขือเทศสีดาหั่นซีก, หอมแดงหั่น มาคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน โดยไม่ต้องถึงกับขย้ำเพราะจะทำให้เนื้อปลาร้าเละ

4. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพร้อมไฟแรงปานกลาง

ระดับความร้อนของไฟเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากใช้ไฟแรงไปจะทำให้ปลาร้าที่ทอดไหม้หรือได้สีไม่สวย แถมรสชาติยังแปร่งๆ หรือถ้าใช้ไฟอ่อนเกินไป ปลาร้าทอดจานนี้ก็จะส่งกลิ่นตุๆ นิดๆ แถมยังอมน้ำมันอีกต่าง หาก เพราะฉะนั้นควรปรับระดับไฟให้อยู่ในระดับปานกลาง จากนั้นนำกระเทียมใส่ลงไปเจียวให้เหลืองและส่งกลิ่นหอม ส่วนน้ำมันก็ไม่ต้องใส่ให้ท่วมตัวปลาร้าเหมือนการทอดปลาสดแบบทั่วๆ ไป

5. ทอดไปคนไป

การทอดปลาร้าจะไม่เหมือนทอดปลาทั่วๆ ไป ที่รอให้อีกด้านสุกได้ที่แล้วค่อยพลิกตัวปลาอีกด้าน แต่ปลาร้าทอดพริกสดที่มีหอมแดง และมะเขือเทศร่วมกระทะด้วยนั้น ให้คนไปพลิกมาได้ตามสบาย และไม่ต้องเติม เครื่องปรุงใดๆ เลย สักประมาณ 5-7 นาทีก็สุกได้ที่ทั้งปลาทั้งเครื่องเทศ

จากนั้นตักใส่จาน และรับประทานกับข้าวเหนียวร้อนๆ หรือข้าวสวยก็เข้ากันดี พร้อมเครื่องเคียงผักสดตามใจชอบ อาทิ ถั่วฟักยาว, มะเขือ เปราะ, แตงกวา ฯลฯรสชาติของปลาร้าทอดพริกสดจะมีความหอมของเนื้อปลาร้าและมะเขือเทศสีดาที่ละลายเข้ากันระหว่างการทอด มีความเค็มนิดๆ เผ็ดหน่อยๆ ของพริกสดและหอมแดงซึ่งถ้าใครที่หลงใหลรส เผ็ดของพริก ก็ตักพริกสดทอดเคี้ยวตามไปด้วยได้เลย

แซ่บด้วยสูตรเฉพาะขนาดนี้ได้ยินมาว่าร้านอาหารแถวอีสานหลายร้านเอาขึ้นเป็นเมนูแนะนำประจำร้านเลยทีเดียวล่ะ เห็นไหมว่าแซ่บ! ได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องดิบ! แถมยังทำเองได้ทุกครัวเรือนอีกด้วยรู้อย่างนี้แล้ว พี่น้องชาวอีสานอย่าลืมหันมารับประทานปลาน้ำจืด (รวมถึงเนื้อสัตว์อื่นๆ) กันแบบสุกดีกว่า นอกจากจะมีอร่อยแล้วยังห่างไกลจาก ‘โรคมะเร็งท่อน้ำดี’ อีกด้วยนะ