'กฤษฏา' ปัดนายทุนกดราคาข้าวโพด
"กฤษฎา" ย้ำเกษตรกรเปลี่ยนข้าวนาปรัง 37 จังหวัด ปลูกข้าวโพดได้กำไร ปัดข่าวนายทุนกดราคา ขอให้มาขายโรงงานรับซื้อทั้งฝักไม่วัดความชื้น
นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าได้สั่งการให้เกษตรจังหวัดและสหกรณ์จังหวัดพะเยา เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที เกษตรกรใน อ.ภูซาง จ.พะเยา ไม่สามารถขายข้าวโพด ได้ราคาตามที่กระทรวงเกษตรฯ ได้ประกาศ รวมทั้งอ้างว่ามี นายทุนเป็นผู้กำหนดราคาขายไม่ใช่รัฐบาล ทำให้เกษตรกรขายได้ราคาต่ำกว่าต้นทุนการผลิต และวิสาหกิจชุมชนที่อ้างต้องมารองรับปัญหาด้วยการช่วยซื้อข้าวโพดนั้น พบว่า ในพื้นที่ อ.ภูซาง จ. พะเยา เกษตรกรตามที่ปรากฎในข่าว ไม่ได้เป็นเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ และจุดที่เกษตรกรไปจำหน่าย ไม่ได้เป็นจุดรับซื้อของสหกรณ์ตามโครงการฯ ที่ได้ทำ MOU ร่วมกันไว้ และพบว่าเกษตรกรที่ ขายให้กับ จุดรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่โครงการฯ กำหนดไว้ ได้แก่ สหกรณ์นิคมเชียงคำ จำกัด โดยมีสหกรณ์การเกษตรบ้านร่องส้าน จำกัด ที่อยู่ในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงกัน รองรับผลผลิตและส่งจำหน่ายต่อ
โดยราคาเมื่อวันที่ 3 พ.ค. รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ตามโครงการฯ โดยไม่วัดความชื้น จำหน่ายแบบเหมาทั้งฝัก ความชื้นอยูที่ประมาณ30-34 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่พอใจ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.20 - 5.40 บาท และเกษตรกรในพื้นที่ สามารถผลิตได้ 1,200-1,500 กก.ต่อไร่ ทำให้มีรายได้จากการขายข้าวโพด เฉลี่ยไร่ละประมาณ 6,890 บาท ต้นทุนการผลิตต่อไร่ประมาณ 4,550 บาทต่อไร่ เกษตรกรก็ยังมีกำไรจากการผลิตต่อไร่ประมาณ 2,340 บาท
นายกฤษฎา กล่าวว่า สำหรับ โครงการสานพลังประชารัฐ เพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา งดทำนาปรังรอบสอง ใน 37 จังหวัด ซึ่งช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ เข้าฤดูเก็บเกี่ยว ย้ำให้เกษตรกร ทุกคนที่เข้าร่วมโครงการฯ ขายตามจุดที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กำหนดไว้ มีสหกรณ์การเกษตรรับซื้ออยู่ทุกอำเภอ และเกษตรกรพิจารณาราคาได้จากหน้าโรงงาน ไม่หลงเชื่อพ่อค้าคนกลาง ที่มากดราคาขาย เพราะกระทรวงเกษตรฯ พร้อมดูแลเกษตรกรทุกคน
แต่ทั้งนี้เกษตรกร ก็ต้องให้ความร่วมมือที่จะไปขายยังจุดที่ กระทรวงเกษตรฯ กำหนดไว้ด้วย หรือ ประสานไปยัง สำนักงานสหกรณ์จังหวัด หรือ สำนักงานเกษตรอำเภอ สำนักงานเกษตรจังหวัด ที่ใกล้บ้าน เพื่อขอข้อมูลว่าสามารถรับซื้อได้ที่จุดไหนบ้าง ซึ่งได้ประสานงานจุดรับซื้อผลผลิตใกล้กับแหล่งปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของเกษตรกรในโครงการดังกล่าวรวม 294 แห่ง แยกเป็นของสหกรณ์การเกษตร 262 แห่ง และจุดรับซื้อของภาคเอกชน 32 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 386 อำเภอ ใน 37 จังหวัด ทำให้เกษตรกรมีแหล่งขายผลผลิตที่แน่นอนช่วยลดต้นทุนค่าเดินทางให้แก่เกษตรกรได้เป็นอย่างดี
“ได้ใช้นโยบายตลาดนำการผลิต และได้ประสานทุกสหกรณ์ ในการรับซื้อข้าวโพดจากเกษตรกรเข้าร่วมโครงการฯ ผลจากการเก็บเกี่ยวที่ผ่านมาพบว่าเกษตรกรผลิตตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เกษตร สามารถได้ผลผลิตเฉลี่ย ประมาณ 1200 – 1500 กก. ต่อไร่ ซึ่งราคาที่โรงงานรับซื้อ ขณะนี้ อยู่ที่ ประมาณ 5.20 บาท ซึ่งเป็นราคารับซื้อทั้งฝัก โดยไม่วัดความชื้น นอกจากนี้ ขอยืนยันว่าจะไม่มีการนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากแหล่งผลิตอื่น มาลักลอบจำหน่ายยังจุดสหกรณ์ ที่เปิดเป็นจุดจำหน่ายแน่นอน เนื่องจากได้เปิด ระบบเว็บ corn service มากำกับการรับซื้อทุกพื้นที่ด้วยแล้ว ยังได้ย้ำให้มีการประกาศจุดรับซื้อ ของสหกรณ์ แต่ละพื้นที่ให้ทั่วถึง ให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงจุดจำหน่ายได้ และขายได้ในราคาที่เกษตรกรพอใจ” นายกฤษฎา กล่าว