TSE บ่มเพาะบัณฑิตคุณภาพ สร้างบุคคลากรชั้นนำ 'เป็นมากกว่าวิศวกร'
การฝึกงานในต่างประเทศ ถือว่าเป็นความใฝ่ฝันของนักศึกษาหลาย ๆ คน เพราะเป็นโอกาสที่ดี ในการสัมผัสประสบการณ์การทำงานกับบริษัทชั้นนำที่มีชื่อเสียง โรงงานที่พรั่งพร้อม และการปฏิบัติในโลกแห่งความจริง
ล่าสุด นักศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 4 สาขาวิศวกรรมอุตสาหกรรม (IE) คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) หรือ TSE ได้มีโอกาสเข้าร่วมการฝึกงานที่ มหาวิทยาลัยตงไห่ (Tunghai University) เมืองไถจง (Taichung) ประเทศไต้หวัน ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่เปิดการเรียนการสอนปี 2498 โดยการฝึกงานในครั้งนี้เป็นระยะเวลากว่า 2 เดือน นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน – เดือนกรกฎาคม 2563 นับว่าเป็นการเปิดประสบการณ์การเรียนรู้ในต่างประเทศ อีกทั้งยังได้เรียนรู้วัฒนธรรมของชาวไต้หวัน เสมือนเป็นสนามฝึกซ้อมของบัณฑิตที่กำลังก้าวสู่เส้นทางอาชีพวิศวฯ ในอนาคต
นายสุกฤษฎิ์ พูลสมบัติ นักศึกษาปริญญาตรีชั้นปีที่ 4 สาขาวิศวกรรมอุตสาหกรรม (IE) คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) หรือ TSE เล่าว่า ที่สนใจเข้ามาเปิดประสบการณ์เรียนรู้และฝึกงานในประเทศไต้หวัน ที่ มหาวิทยาลัยตงไห่ เมืองไถจง เพราะเปิดรับนักศึกษาหลากหลายสาขา และโดยเฉพาะภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหกรรม ซึ่งสามารถเรียนรู้และต่อยอดจากการเรียนใน TSE ได้ อีกทั้งได้เรียนรู้ประสบการณ์การใช้ชีวิตของผู้คน วัฒนธรรม ภาษา รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้ เลยทำให้อยากเรียนในที่ดังกล่าว
“แรงบันดาลใจของผมสำหรับการไปฝึกงานต่างประเทศ ก็คือ ต้องการพัฒนาตัวเอง อยากทำอะไรที่เราไม่เคยทำ การได้ไปฝึกงานในต่างประเทศ คือ โอกาสที่ดีมาก เพราะทำให้เราเรียนรู้ สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นและพัฒนาตัวเองรอบด้าน ทั้งด้านภาษา การใช้ชีวิต การเข้าสังคม และการทำงาน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่โลกของการทำงานหรือประกอบอาชีพอย่างแท้จริง”
การเข้าไปฝึกงานมหาวิทยาลัยตงไห่ในครั้งนี้ ผมใช้ระยะเวลากว่า 2 เดือน โดยวางแผนไปถึงล่วงหน้าก่อนฝึกงานประมาณ 2 วัน เพื่อเป็นการปรับตัวและเตรียมความพร้อมร่างกายก่อนที่จะเข้าไปฝึกงาน การเตรียมความพร้อมเบื้องต้นได้เรียนรู้เกี่ยวกับภาษาจีนพื้นฐาน แล้วก็มีฝึกภาษาอังกฤษเพิ่มเติม รวมทั้งศึกษาวัฒนธรรมของคนไต้หวัน เป็นต้น
เมื่อไปถึงวันแรก ที่ มหาวิทยาลัยตงไห่ จัดงานปฐมนิเทศ โดยมีคณะอาจารย์มีความชำนาญระดับสูงแต่ละภาควิชาการให้การต้อนรับ ในจำนวนนี้มีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ของไทยได้ร่วมเดินทางมาด้วย จากนั้นก็แยกนักศึกษาแบ่งตามภาคสาขาวิชาที่เลือกลงเรียน แต่ทางมหาวิทยาลัยจะถาม ถึงความสนใจด้านไหนเป็นพิเศษอีกครั้ง เพื่อได้เรียนรู้อย่างที่เราต้องการ และพาเดินชมห้องแล็บต่าง ๆ
สำหรับผม เลือกเรียนสาขาวิศวกรรมอุตสาหกรรม เพื่อเข้าไปศึกษานวัตกรรมและเทคโนโลยีของ 3D Printing ควบคู่กับการทำวิจัยและพัฒนา เป้าหมายของการฝึกงานในครั้งนี้เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์การเรียนรู้ตั้งแต่ในระดับพื้นฐานของ 3D Printing ขั้นตอนการออกแบบ โปรแกรมที่ใช้กับ 3D Printing กระทั่งไปสู่ขั้นการปฏิบัติและได้ชิ้นงานออกมา สำหรับเบื้องหลังของการฝึกงานจะมีพี่เลี้ยงหรือนักศึกษาระดับปริญญาโท เป็นที่ปรึกษาและคำแนะนำตลอดเวลา ขณะเดียวกันก็ต้องเข้าพบกับศาสตราจารย์คอยบ่มเพาะกระบวนการคิดให้ตกผลึก เพราะนักศึกษาทุกคนก็จะต้องมี Final presentation เกี่ยวกับสิ่งที่ศึกษาเรียนรู้และปฏิบัติ
นายสุกฤษฎิ์ เล่าว่า การฝึกงานในช่วงแรก เรียนรู้ด้วยตัวเองจากการอ่านเปเปอร์และสรุปออกมา โดยมีรุ่นพี่ระดับปริญญาโท ศาสตราจารย์ให้คำแนะนำและสอนในระดับพื้นฐาน ถือว่าเป็นช่วงที่เราต้องปรับตัว เพราะต้องอ่านเปเปอร์งานวิจัยภาษาอังกฤษ ช่วงแรกผมค่อนข้างใช้ระยะเวลานานในการตีความของเปเปอร์ แต่พอได้อ่านมากขึ้น จึงเริ่มจับประเด็นได้ว่า เราควรอ่านตรงไหน สำหรับบรรยากาศในการทำงานวัฒนธรรมของรุ่นพี่เหมือนเพื่อนมากกว่า ไม่มีรุ่นพี่รุ่นน้อง ทุกคนคือเพื่อนกัน ช่วยเหลือกันและกัน แนะนำได้ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องงาน เรื่องกิน เรื่องเที่ยว เป็นต้น
“หลายๆ ครั้งการเรียนในมหาวิทยาลัยต่างแดน ย่อมต้องมีอุปสรรคถือว่าเป็นเรื่องปกติมาก แรก ๆ ยอมรับว่าเป็นการปรับตัว ทั้งด้านการสื่อสาร ภาษา อาหารการกิน การอยู่หอพักภายในมหาวิทยาลัย และยุงไต้หวันชื่อว่าเสี่ยวเหยเหวิน กัดเจ็บมาก ผมต้องใช้ระยะเวลาร่วม 2 สัปดาห์ถึงปรับตัวได้ และพอปรับได้ทุกอย่างใส่เกียร์เดินหน้าอย่างเต็มที่”
ในส่วนบรรยากาศการเรียนการสอนมหาวิทยาลัยตงไห่ จะมีโต๊ะทำงานส่วนตัวเพื่ออำนวยความสะดวกให้นักศึกษาและวิจัยแลพัฒนานวัตกรรมอย่างเต็มที่ โดยมากจะเป็นห้องสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ซึ่งบางภาควิชาถึงขั้นต้องทำงานในห้องแล็บโดยให้นักศึกษานั่งรวมกัน ส่วนชีวิตการทำงานของคนไต้หวัน ปกติแล้วจะทำงานตั้งแต่วันจันทร์ – วันศุกร์ และเสาร์กับอาทิตย์เป็นวันหยุด สำหรับผมเวลาทำงานส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับรุ่นพี่นักศึกษาปริญญาโทและศาสตราจารย์ โดยจะเริ่มตั้งแต่เวลา 09.30 – 16.00 น.
ทั้งนี้ ปกติการฝึกงานในองค์กรต่าง ๆ บางครั้งจะมีค่าตอบแทน แต่สำหรับผมการเลือกฝึกในมหาวิทยาลัยไม่มีค่าตอบแทน ซึ่งไม่ได้เป็นอุปสรรคเพราะค่าครองชีพไต้หวันสูงกว่าประเทศไทยเล็กน้อย หากรับประทานอาหารนอกห้างหรือร้านทั่วไป เมนูข้าวผัดราคา 60-70 บาท แต่หากรับประทานข้าวกับขนมโดยเฉลี่ย 100 บาทต่อมื้อ อย่างชาไข่มุกในตำนานของไต้หวันถูกกว่าไทยมาก ส่วนผลิตภัณฑ์ของใช้มีทั้งราคาถูกและแพงกว่าไทย สำหรับการเดินทางในเมืองนี้ส่วนใหญ่ใช้รถบัส ต้องชำระเงินผ่านบัตร easy card โดย 8 กิโลเมตรแรกจะฟรี ทำให้เวลาไปเที่ยวในห้าง แทบไม่ต้องเสียค่าเดินทาง
นอกจากการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัย ผ่านการเรียนการสอนของคณะศาสตราจารย์และนักศึกษาระดับปริญญาโทแล้วการเก็บเกี่ยวประสบการณ์นอกห้องเรียนเป็นกำไรของชีวิต ในด้านของการท่องเที่ยวที่ชอบมากสุด คือ เฮอหวนซาน เป็น เทือกเขาที่สูงมากในไต้หวัน มีความประทับใจเพราะได้ไปกับเพื่อน ๆ ได้สูดอากาศดีมาก ในช่วงที่พระอาทิตย์ขึ้นสวยมาก ถือว่าเป็นทริปที่ชอบที่สุดในไต้หวัน
ประสบการณ์ที่ได้รับจากการฝึกงานในต่างแดน จากจุดเริ่มต้นแค่ต้องการพัฒนาการใช้ภาษาอังกฤษ สื่อสารกับผู้คนได้ดีขึ้น เพราะต้องใช้ทุกวัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นดีเกินคาด นอกจากทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษที่ดีขึ้นแล้ว ยังได้เรียนรู้และได้ประสบการณ์หลากหลายด้วยตัวเองและจากเพื่อน ๆ ทำให้มีแพชชั่นสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ มากมาย ได้พบกับมิตรภาพที่ดีในต่างแดน ทั้งเพื่อนร่วมงานและต่างมหาวิทยาลัย หลังจากฝึกงานเสร็จแล้วกลับมาเรียนที่ TSE มีความมุ่งมั่นนำความรู้ใหม่ ๆ มาต่อยอดโปรเจกต์เกี่ยวกับ 3D Printing ทำให้เห็นภาพได้กว้างขึ้นและมีแพชชั่นในการเรียนรู้มากขึ้น โดยเฉพาะการเรียนภาษาอังกฤษกับภาษาจีน เพื่อใช้ในการสื่อสารให้ดียิ่งขึ้น นายสุกฤษฎิ์ กล่าว
สำหรับน้อง ๆ คนไหนที่สนใจไปฝึกงานกับองค์กรชั้นนำในต่างประเทศ TSE ได้เปิดรับสมัครในโครงการ TSE Internship Abroad 2020 สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณพิมพ์ชฎา ฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มธ. โทร. 02-564-3001-9 ต่อ 3075 หรือคลิก https://www.facebook.com/ENGR.THAMMASAT/photos/2522088004728524 หรือติดตามความเคลื่อนไหวของคณะวิศวกรรมศาสตร์ มธ. ได้ที่www.facebook.com/ENGR.THAMMASAT หรือเว็บไซต์ www.engr.tu.ac.th