ไทยเจอ 'ไวรัสโคโรน่า' เพิ่ม 5 ราย พบเคสติดในไทยรายแรก
สธ.รายงานสถานการณ์ ผู้ป่วยไวรัสโคโรน่า พบมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีก 5 ราย เป็น 19 ราย พบคนไทยรายแรกติดเชื้อไวรัสโคโรนา เตรียมพร้อมรับคนไทยจากเมืองอู่ฮั่น 161 คนกลับไทย
15.30 น.วันนี้ (31 มกราคม 2563) ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวภายหลังได้ข้อสรุปจากคณะผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่ออุบัติใหม่ 3 ด้าน
พบว่าสถานการณ์ประจำวันกรณีโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ขณะนี้พบผู้ป่วยเพิ่มอีก 5 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสมรวม 19 ราย ในจำนวนนี้รักษาหายจนปลอดเชื้ออนุญาตให้กลับบ้าน 7 ราย และอยู่โรงพยาบาลอีก 12 ราย โดยผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นชาวจีน 4 ราย มีประวัติการเดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย และชาวชาวไทย 1 ราย เป็นคนขับแท็กซี่ ที่รับนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นผู้ป่วยคนไทยรายแรกที่ไม่มีประวัติเดินทางไปประเทศจีน
นายแพทย์สุขุม กล่าวต่อว่า สถานการณ์ภาพรวมขอทั่วโลกขณะนี้ เริ่มผู้ป่วยภายในประเทศมากขึ้น ดังนั้น ในส่วนของประเทศไทยจะมาตรการตรวจ คัดกรอง เฝ้าระวัง และป้องกันในประเทศไทยให้มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาไทยถือว่ามีความเสี่ยงที่คนไทยจะสัมผัสเชื้อปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนายังอยู่ในระดับต่ำ
อย่างไรก็ตาม เพื่อความไม่ประมาทยังคงมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น และขอแนะนำให้คนไทยปฎิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อป้องกันตนเองและการแพร่ระบาดของโรค
- ขอความร่วมมือผู้ประกอบการแท็กซี่คุมเข้มมาตรการป้องกัน
นายแพทย์โสภณ เอี่ยวศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรงติดต่อทั่วไป ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์ปฎิบัติการภาวะฉุกเฉิน กล่าวว่าสำหรับกรณีของแท็กซี่ 1 ราย ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาจากการสอบประวัติพบว่า แท็กซี่ได้รับนักท่องเที่ยวจีนไปโรงพยาบาล เนื่องจากมีอาการป่วย ซึ่งเมื่อแท็กซี่รู้ว่าตนเองมีอาการป่วยก็ได้หยุดทำงาน
อีกทั้งจากการตรวจคัดกรองผู้สัมผัสรอบตัวของคนขับแท็กซี่ ไม่ว่าจะเป็น คนในครอบครัว หรือคนใกล้ชิดอื่นๆ จำนวนรวม 13 คน พบว่า ไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม ส่วนนักท่องเที่ยวจีนคนดังกล่าวได้เดินทางกลับประเทศจีนไปแล้ว อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นการสัมผัสกับผู้ที่ติดเชื้อ แสดงให้เห็นว่าเป็นไวรัสที่มีการติดเชื้อจากคนสู่คนได้ ดังนั้น สธ.จะวางมาตรการป้องกันให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น
นอกจากนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับที่องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public health Emergency of international Concern) เมื่อคืนนี้ (30 มกราคม 2563) และประเทศไทยนำโดยนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณายกระดับการทำงานให้สอดคล้องกับประกาศขององค์การอนามัยโลก
สธ.ได้มีการเตรียมความพร้อมรับมือการระบาดตั้งแต่สนามบิน เริ่มตั้งแต่ลงจากเครื่องบิน และไปยังจุดคัดกรองต่างๆ ซึ่งจะมีทีมแพทย์ เจ้าหน้าที่คัดกรอง เฝ้าระวังดูแล และได้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินทุกจังหวัด รวมถึงได้ขอความร่วมมือจากประชาชนให้สวมหน้ากากอนามัย และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข
ตอนนี้ถือว่าสถานการณ์จะดีขึ้นด้วยความร่วมมือจากประชาชน อย่างไรก็ตาม ฝากประชาชนอย่าเชื่อข่าวลือจากทุกทางขอให้เช็คก่อนแชร์ งดแชร์ข้อมูลผู้ป่วยทางสื่อออนไลน์ และมาจากแหล่งข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ เพื่อไม่ให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแพร่หลาย เกิดความตระหนก และมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
- เตรียมพร้อมรับคนไทยจากเมืองอู่ฮั่น 161 คน กลับไทย
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.)ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ กล่าวภายหลังการประชุมว่า ประเทศไทยมีความพร้อมในการจะไปรับคนไทยที่อาศัยอยู่เมืองอู่ฮั่น จำนวน 161 คน กลับมาประเทศไทยแล้ว
คาดว่าจะไปรับมาโดยเร็วที่สุด แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะไปรับวันไหน เพราะต้องดูความพพร้อมมากที่สุด โดยในการเดินทางไปรับคนไทยนั้น ได้รับความร่วมมือจากบริษัท แอร์เอเชีย ในการเตรียมเครื่องบินที่มีที่นั่ง 180 ที่นั่งและลูกเรือ 4 คน เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีเส้นทางบินระหว่างกรุงเทพมหานคร-เมืองอู่ฮั่นอยู่แล้ว
“การป้องกันและดูแลไม่ให้ไวรัสโคโรนาระบาดในเมืองไทยสำคัญที่สุด ดังนั้น ในเรื่องของผลกระทบที่จะเกิดต่อเศรษฐกิจ หากประเทศไทยเป็นเมืองสะอาด ไม่มีผู้ติดไวรัส เชื่อว่านักท่องเที่ยวก็จะกลับมาเอง ส่วนการจะไปรับคนไทยที่เมืองอู่ฮั่นกลับไทยนั้น ส่วนตัวผมอยากเดินทางไปรับด้วยตนเอง เพื่อมีปัญหาหรือเหตุขัดข้องอะไร อีกทั้งอยากรู้ว่าทำไมคนไทยบางส่วนถึงไม่กลับไทย เพราะขณะนี้มีคนไทยที่อยู่เมืองอู่ฮั่นจำนวน 140 กว่าคนเท่านั้นที่ลงชื่อกลับมาไทย แต่ทั้งนี้ก็เป็นห่วงงาน และถ้าเดินทางไปต้องดำเนินการมาตรการต่างๆ เมื่อกลับเข้ามาประเทศต้องกักตัวไว้ 14 วัน” นายอนุทิน กล่าว
ส่วนมาตรการตรวจคนเข้าเมืองนั้น สถานการณ์ขณะนี้คงไม่ถึงขั้นที่ต้องมีการตรวจใบรับรองแพทย์ หรือยกเลิกการให้วีซ่าต่างๆ เนื่องจากประเทศไทยมีความเสี่ยงต่ำ