'หน้ากาก' ทางเลือกแก้วิกฤติ ขาดแคลนเอกชนผลิตไม่ทัน
กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) แจกหน้ากากอนามัยให้ประชาชนวันแรกพบว่ามีประชาชนไปเข้าคิวรับหน้ากากอนามัยเป็นจำนวนมาก ซึ่งกำหนดให้คนละ 3 แผ่นต่อวัน โดยผู้ที่รับไปแล้วจะทำการประทับวันที่บริเวณข้อมือ เพื่อป้องกันการเวียนมารับของ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า กระทรวงสาธารณสุข มีภารกิจจัดหาหน้ากากอนามัยให้กับโรงพยาบาล สถานพยาบาล ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เท่านั้น กระทรวงสาธารณสุขส่วนที่จะแจกให้ประชาชน วันละ 100,000 ชิ้น ที่กระทรวงสาธารณสุข เป็นหน้ากากอนามัย ที่มีผู้บริจาค และองค์การเภสัชกรรม บริหารสต็อก แล้ว มีสินค้าคงเหลือ รวมแล้ว 1,400,000 ชิ้น
จึงมอบให้กระทรวงสาธารณสุข นำไปแจกให้ประชาชน เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงนี้ โดยจะแจกหน้ากากอนามัยที่กระทรวงสาธารณสุข 2 วัน จำนวน 200,000 ชิ้น แล้วจะจัดส่งอีก 1,200,000 ชิ้น ไปแจกให้ประชาชนในจังหวัดต่างๆ ใน 12 เขตสุขภาพ เขตสุขภาพละ 100,000 ชิ้น
ซึ่งในส่วนของโรงพยาบาลเอกชนประสบปัญหาขาดแคลนหน้ากากอนามัยสำหรับใช้ในการป้องกันการระบาดของโรค COVID-19ช่นกัน โดยศ.ดร.นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ได้ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง
ลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ โดยระบุว่า โรงพยาบาลเอกชนได้รับคนไข้ที่มีความเสี่ยงมากกว่าร้อยละ 70 ในโรงพยาบาล แต่ปัจจุบัน โรงพยาบาลเอกชนประสบปัญหาขาดแคลนหน้ากากอนามัยเข้าขั้นวิกฤต และโรงพยาบาลเอกชนบางแห่งไม่มีหน้ากากอนามัยใช้แล้ว บุคลากรทางการแพทย์ต้องใช้หน้ากากอนามัย ซึ่งมีความเสี่ยงมาก จึงขอความอนุเคราะห์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดสรรหน้ากากอนามัยให่กับโรงพยาบาลเอกชน เพื่อที่โรงพยาบาลเอกชนจะสามารถควบคุมป้องกันไม่ให้มีการระบาดมากกว่านี้
ขณะที่ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เตรียมขออนุมัติงบกลาง ในที่ประชุม ครม. ในวันอังคารที่ 3 มีนาคม นี้ วงเงิน 250 ล้านบาท เพื่อนำไปซื้อวัตถุดิบ ให้ท้องถิ่นผลิตหน้ากากาใช้กันเอง พร้อมกันนี้ นายกฯยังได้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำมาตรการป้องกันและควบคุมการรับมือ เกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 ให้ชัดเจน เข้าสู่ในที่ประชุม ครม. 3 มีนาคม ด้วย
ทั้งเรื่องหน้ากากอนามัย และการเดินทาง ไปต่างประเทศ ที่จะต้องห้ามเดินทางไปประเทศใด โดยหลังการประชุม ครม. จะมีแถลงความชัดเจนส่วนเรื่องการกักตุนหน้ากากอนามัย นายกฯได้เรียกอธิบดีกรมการค้าภายในมาคุยแล้ว ให้เคร่งครัดจับกุม ลงโทษอย่างจริงจัง ในกรณีกักตุนหน้ากากอนามัย และขายเกินราคา
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่าได้ประสานงานกับโรงงานผลิตซึ่งมีเพียง 10 โรงงานทั่วประเทศเท่านั้น กำลังการผลิตราว 30 ล้านชิ้นต่อเดือน ให้เร่งรัดในการขยายกำลังการผลิต ซึ่งที่ผ่านมามีการเร่งรัดดำเนินการและขณะนี้เพิ่มขึ้นไปเป็น 35 ล้านชิ้นต่อเดือน เพื่อกระจายไปให้ทั่วถึงในจำนวน 100% ที่ผลิต กระทรวงสาธารณสุข ขอจัดสรรไป 30% หรือประมาณ 10 ล้านชิ้นต่อเดือน เพื่อนำไปกระจายให้สถานพยาบาลต่างๆ รวมทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน
ส่วน 70% ที่เหลือเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ในการดำเนินการ บริหารจัดการให้มีการกระจายไปในพื้นที่ต่างๆ ให้มากที่สุด รวดเร็วที่สุด เท่าที่จะทำได้มีการจัดจำหน่ายไปยังร้านธงฟ้า ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า ศูนย์ค้าส่ง ค้าปลีกต่างๆ สมาคมร้านยา เพื่อนำไปจำหน่ายทั่วประเทศ
เนื่องจากกำลังการผลิตหน้ากากอนามัยจำกัด ต้องนำเข้าวัตถุดิบมาจากต่างประเทศ คือ ประเทศจีน ซึ่งเริ่มขาดแคลน ปัจจุบันจึงต้องนำเข้าวัตถุดิบจากอินโดนีเซียเพิ่มเติมซึ่งคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติ“หน้ากากทางเลือก”มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการผลักดันให้หน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น หรือกลุ่มแม่บ้าน กลุ่มสตรี ผลิตหน้ากากผ้า เพื่อนำไปใช้ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขให้การรับรองแล้วว่าสามารถใช้ได้ และสามารถซักได้ ใช้ได้หลายครั้ง ซึ่งกระทรวงมหาดไทย ส่งผู้เชี่ยวชาญไปแนะนำวิธีการผลิต การตัดเย็บ และให้สามารถทำใช้ได้ด้วยตัวเองและกระจายในชุมชน