ประชาชน และแรงงานต่างด้าว 1.7 แสนราย แห่กลับภูมิลำเนา
ประชาชน และแรงงานต่างด้าว กว่า 1.7 แสนราย แห่กลับภูมิลำเนา หลังกรุงเทพมหานคร ออกประกาศขอความร่วมมือห้างฯ หยุดให้บริการ เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19 ขณะที่ บขส.จัดทำความสะอาดพื้นที่ พร้อมประสานรถร่วมให้ผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัย
- ประชาชน และแรงงานต่างด้าว แห่กลับภูมิลำเนา
ในช่วงเช้าวันนี้ (22 มี.ค.) จากการตรวจสอบพบว่ามีประชาชนค่อนข้างหนาแน่น ได้เดินทางมาเพื่อขึ้นรถโดยสารกลับภูมิลำเนา โดยประชาชนที่เดินทางมามีแนวโน้มการเดินทางกลับภูมิลำเนามากกว่าปกติ เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ โดยข้อมูลของบริษัทขนส่ง จำกัด หรือ บขส. พบว่า มีประชาชนเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก ตั้งแต่ช่วงเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา ต่อเนื่องถึงเมื่อวานนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการขอความร่วมมือ ในการขอให้ผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆ ที่อยู่ในประกาศของกรุงเทพมหานคร หยุดกิจการเพื่อลดการแพร่กระจายตัวของเชื้อไวรัสโควิด-19
อย่างไรก็ตาม การเดินทางของประชาชนออกนอกพื้นที่ในวันนี้ จากการพูดคุยสอบถามกับประชาชนพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่จะเดินทางระยะสั้นในจังหวัดใกล้เคียงกับกรุงเทพมหานคร ส่วนในระยะยาวทั้งทางภาคเหนือและภาคอีสาน พบว่าจะเป็นกลุ่มแรงงานต่างด้าว ที่เดินทางกันมาเป็นครอบครัว เพื่อกลับไปยังประเทศของตัวเอง ทั้งนี้ ทาง บขส. มีมาตรการขอความร่วมมือประสานกับผู้ให้บริการรถร่วมต่างๆ ให้ผู้โดยสารสวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน ขณะที่บริเวณพื้นที่อาคารด้านนอก เจ้าหน้าที่ ได้จัดทำความสะอาดพื้นที่ เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อโควิด-19
สำหรับข้อมูลการเดินรถตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2563 - 22 มีนาคม 63 ณ เวลา 10.30 น. รวม 5 ภาค ทั้งใต้ เหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ กลาง และตะวันออกมีจำนวนเที่ยววิ่ง รวม 12,889 เที่ยว จำนวนผู้โดยสาร รวม 178,333 คน
- คนไทยในเมียนมาแห่กลับบ้าน หนีโควิด-19 กว่า 7,000 คน
ที่ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ชาวไทยที่ข้ามไปทำงานหรือเปิดกิจการในฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ต่างพากันเดินทางกลับภูมิลำเนาตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังจากได้รับข่าวสารจากทางการเมียนมาว่าจะปิดด่านพรมแดนในวันที่ 23 มี.ค.นี้ และข่าวสารจากทาง จ.เชียงรายว่า วันที่ 22 มี.ค.จะมีการปิดด่าน เพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด- 19 ทำให้เมื่อคืนที่ผ่านมาคนไทยจำนวนมากพากันเดินทางออกจาก จ.ท่าขี้เหล็ก โดยต่อแถวยาวเกือบ 3 กิโลเมตร เพื่อผ่านด่านพรมแดน
ก่อนหน้านี้ทาง จังหวัดเชียงราย มีคำสั่งให้ปิดจุดผ่อนปรน ทั้งหมดทั้งที่ติดกับทางเมียนมา และ สปป.ลาว ซึ่งมีทั้งหมด 6 แห่ง รวม ซึ่งมีอยู่ในพื้นที่ อ.แม่สาย อ.เชียงแสน อ.เชียงของ และเวียงแก่น โดยให้เหลือเพียงด่านถาวรที่สะพานมิตรภาพ แห่งที่ 1 อ.แม่สาย และด่านพรมแดนที่สะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 เชียงของ-ห้วยทราย เท่านั้น โดยในวันนี้ได้มีคำสั่งจังหวัดเชียงราย ที่ 1380/2563 เรื่องระงับการเดินทางเข้า-ออกของบุคคล ยานพาหนะและสิ่งของ ณ จุดผ่านแดนถาวร จุดผ่อนปรนการค้า และช่องทางอื่นๆ ตอลดแนวชายแดน จ.เชียงราย เป็นการชั่วคราว ซึ่งลงนามออกคำสั่งโดย นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย
โดยมีเนื้อหาสำคัญเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และเพื่อเป็นการควบคุมไม่ให้แพร่ระบาดเป็นวงกว้าง จึงลดโอกาสในการแพร่ระบาดจึงได้มีคำสั่งให้ปิดด่านพรมแดนถาวรที่สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 ที่ อ.แม่สาย และสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย โดยยังสามารถส่งสิงค้าจำเป็นโดยอนุญาตรถบรรทุกสินค้าพร้อมคนขับจำนวน 1 คน ซึ่งสินค้าที่จะส่งออกไปต้องผ่านพิธีการทางศุลกากรอย่างถูกต้องเท่านั้น โดยคำสั่งดังกล่าว สั่ง ณ วันที่ 21 มี.ค.2563 โดยยังไม่มีระยะเวลากำหนดจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
หลังจากที่ทราบข่าวทำให้คนจำนวนมากที่เดินทางข้ามไปทำงานในฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก และชาวเมียนมาที่มาทำงานในประเทศไทยพากันเดินทางกลับประเทศทำให้ผู้คนทะลักเดินทางกลับก่อนปิดด่านเวลา 21.00 น.ของวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมากว่า 7,000 คน จนถึงเวลาปิดด่านยังคงมีผู้ตกค้างอยู่ทั้ง 2 ฝั่งเป็นจำนวนมาก และรอเดินทางกลับในวันนี้(22 มี.ค.) โดยในช่วงเช้าวันนี้พบว่าชาวเมียนมายังคงข้ามมาซื้อสินค้ากันเป็นจำนวนมากในวันสุดท้ายของการเปิดสะพานแห่งที่ 1 ที่ อ.แม่สาย เพื่อนำไปกักตุน เป็นการส่งท้ายก่อนที่จะมีการปิดด่านพรมแดน อย่างไรก็ตามการผ่านด่านเข้ามาจากฝั่งประเทศเมียนมา ได้มีการตรวจคัดกรองและวัดอุณหภูมิของผู้ทีผ่านเข้ามาในประเทศไทย และมีการคัดกรองโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อ.แม่สาย และ รพ.แม่สายร่วมตรวจด้วย
ด้านสะพานมิตรภาพไทย-สปป.ลาว ข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 พบว่าทาง จ.เชียงรายได้ดจุดผ่านแดนถาวร อ.เชียงของ แล้วเนื่องจากในฝั่ง สปป.ลาว ก็มีการปิดไปก่อนหน้านี้แล้วเพื่อป้องกันการระบาดของโรค ทำให้การเดินทางข้ามไปมาของผู้คนระหว่าง 2 ฝั่งต้องพิจารณาเป็นรายไป แต่ยังคงมีการอนุญาตให้มีการขนส่งสินค้าจากฝั่งไทยข้ามไปยังเมืองห้วยทรายเฉพาะที่ได้ผ่านพิธีการทางศุลกากรอย่างถูกต้อง โดยมาตรการทั้งหมดทาง จ.เชียงราย ประกาศว่าดำเนินไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย