'สงกรานต์' 7 วันอันตราย 7 วันการระบาดของ 'โควิด-19'

วันนี้ (12 เมษายน 2563) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงข่าว สถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ประจำวันนี้ ว่า ประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 33 ราย รวมยอดสะสม 2,551 ราย ใน 68 จังหวัด เสียชีวิตเพิ่มอีก 3 ราย รวม 38 ราย รักษาหายหายกลับบ้านรวม 1,218 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่อายุระหว่าง 30-39 ปี จำนวน 612 ราย อายุมากที่สุด 91 ปี และน้อยที่สุด 1 เดือน อายุเฉลี่ย 39 ปี แบ่งตามภูมิภาค กรุงเทพฯ นนทบุรี 1,427 ราย ภาคเหนือ 95 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 101 ราย ภาคกลาง 334 ราย และภาคใต้ 486 ราย

สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ วันที่ 12 เมษายน จำนวน 33 ราย แบ่งเป็น กลุ่มที่ 1 ผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วย หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ จำนวน 15 ราย (เชื่อมโยงกับผู้ป่วยยืนยันกลุ่มชายแดนใต้ 7 ราย) และสถานบันเทิง 2 ราย) กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยก่อนหน้า 10 ราย ได้แก่ คนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ 1 ราย ไปสถานที่ชุมนุม เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลอดนัด สถานที่ท่องเที่ยว 1 ราย อาชีพเสี่ยง เช่น ทำงานในสถานที่แออัด หรือทำงานใกล้ชิดกับชาวต่างชาติ 1 ราย บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข 7 ราย (อยู่ในกทม. 5 ราย) กลุ่มที่ 3 อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 4 ราย ทั้งนี้ มีผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้า State Quarnatine จ.นราธิวาส จากอินโดนีเซีย 2 ราย

โฆษก ศบค. กล่าวต่อไปว่า สำหรับผู้เสียชีวิต 3 ราย ได้แก่ รายที่ 36 เป็นชายอายุ 74 ปี มีโรคประจำตัวเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง มีประวัติไปสถานที่ชุมชนุชน ตลาดนัด บุคคลในบ้านมีการรวมกลุ่มกัน ผู้ป่วยมีอการป่วยวันที่ 1 เมษายน ด้วยอาการไข้ เข้ารักษาใน รพ.แห่งหนึ่ง ในนครศรีธรรมราช วันที่ 7 เมษายน ไข้สูง เสียดท้อง ถ่ายสีดำ เนื่องจากมีเลือดออกในกระเพราะอาหาร ผลตรวจยืนยันติดเชื้อโควิด-19 ในวันที่ 8 เมษายน และเสียชีวิตในวันที่ 11 เมษายน

รายที่ 37 เป็นเพศหญิงอายุ 65 ปี มีโรคอ้วน ไข้มันในเลือดสูง ประวัติไปเยี่ยมญาติที่ชุมพร เริ่มมีอาการไข้ ไอ เหนื่อย เพลีย ตรวจวันที่ 1 เมษายน ที่รพ.ในจ. ชุมพร และกลับรักษาตัวที่บ้าน วันที่ 2 เมษายน มีอาการเหนื่อยหอบมากขึ้น ความรู้สึกตัวลดลง กลับมา รพ. ใส่ท่อช่วยหายใจ ส่งตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด-19 แต่อาการแย่ลง และเสียชีวิตในวันที่ 11 เมษายน

รายที่ 38 เป็นชายไทย 44 ปี รับส่งต่อจากรพ.เอกชน แห่งหนึ่งในวันที่ 28 มีนาคม เนื่องจากมีอาการหนัก รักษาโดยใช้ยาหลายขนานที่มีอยู่ ดูแลทั้งทุกระบบของร่างกาย แต่อวัยวะล้มเหลวหลายส่วน มีการล้างไตหลายครั้ง อาการไม่ดีขึ้น เสียชีวิต 12 เมษายน เวลา 7.00 น.
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับ ผู้ป่วยรายใหม่ 33 ราย ในวันที่ 12 เมษายน อยู่ในกรุงเทพมหานคร 14 ราย ยะลา 5 ราย ภูเก็ต 4 ราย ปัตตานี 3 ราย นราธิวาส , สมุทราสาคร 2 ราย เลย , ชลบุรี และนครศรีธรรมราช 1 ราย

สำหรับ 10 อันดับ มีผู้ป่วยสูงที่สุด ต่อแสนประชากร ภูเก็ตยังเป็นอันดับ 1 ถัดมา ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ยะลา นนทบุรี ปัตตานี สมุทราปราการ ชลบุรี สตูล (จากอินโดนีเซีย) สงขลา และนราธิวาส ทั้งนี้ จังหวัดที่ยังไม่พบรายงานผู้ติดเชื้อ 9 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี และอ่างทอง

ขณะที่ 10 อันดับ จังหวัดที่พบผู้ป่วยมากที่สุด ยังคงเป็นกรุงเทพมหานคร 1,294 ราย ตามด้วยภูเก็ต 176 ราย นนทบุรี 148 ราย สมุทรปราการ 106 ราย ยะลา 82 ราย ปัตตานี 77 ราย ชลบุรี 76 ราย สงขลา 56 ราย เชียงใหม่ 40 ราย และปทุมธานี 33 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 72 ราย

•  ย้ำคนไทยการ์ดห้ามตก 

สถานการณ์ทั่วโลก 208 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 2 เรือสำราญ มีผู้ติดเชื้อรวม 1,780,314 ราย อาการหนัก 50,592 ราย รักษาหาย 404,031 ราย เสียชีวิต 108,827 ราย โดย 10 อันดับ อันดับที่ 1 ยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา ถัดมา ได้แก่ สเปน อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี จีน อังกฤษ อิหร่าน ตุรกี และเบลเยียม ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 47

โฆษก ศบค. ระบุว่า ขณะเดียวกัน เพื่อนบ้านในอาเซียน ยังมีอัตราเพิ่มขึ้น โดยตัวเลขเมื่อวันที่ 11 เมษายน คือ มาเลเซียผู้ป่วยรายใหม่ 184 ราย ฟิลิปปินส์ 233 ราย สิงคโปร์ 191 ราย อินโดนีเซีย 330 ราย ดังนั้น สิ่งที่ต้องเน้นย้ำ คือ เราต้องมีการดูแลคนไทยที่กลับมา เพราะท่านมีความเสี่ยง คนไทยการ์ดห้ามตกเด็ดขาด ถึงแม้จะดีใจว่าทำคะแนนได้ดี แต่ต้องยืนระยะยาว สิ่งที่ต้องทำ 90% คือ ให้ความร่วมมือกับภาครัฐ

“ขณะที่ในเอเชีย เช่น อินเดีย ญี่ปุ่น ก็มีอัตราผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน หลายคนถามว่าเราจะเปิดประเทศได้เมื่อไหร่ ต้องดูสถานการณ์ต่างๆ เหล่านี้ด้วย เพื่อการตัดสินใจ หากเราต้องดูแลคนของเรา พร้อมกับเศรษฐกิจ ต้องคิดว่าอะไรมาก่อนมาหลัง ขณะที่เราคุมการระบาดของเราได้ แต่ประเทศรอบข้างยังคงเป็นประเด็นกันอยู่”

“การที่ตัวเลขของไทยลดลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มก้อนที่มาจากสนามมวยลดลง และเป็นศูนย์ รวมถึงมีการควบคุม คัดกรอง คนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ซึ่งให้ความร่วมวมือในการทำตามมาตรการต่างๆ นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงความร่วมมือของพี่น้องประชาชนอีกด้วย” โฆษก ศบค. กล่าว

นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับโลกนี้ ประเทศที่พัฒนากำลังทุกข์ใจกับยอดผู้เสียชีวิตหลักหมื่น และป่วยเป็นหลักแสน เราได้เรียนรู้กันว่าหลายประเทศใช้ความร่วมมือกัน ประเทศหนึ่งที่เราประทับใจ คือ จีน ที่เขาก้าวผ่านตรงนี้ไปได้ และก้าวล้ำไปถึงการช่วยคนอื่น เอาเรื่องดีๆ ที่เขาเรียนรู้ไปช่วยประเทศอื่น ขณะที่ประเทศไทย ท่านก็คงเห็นว่าบรรยากาศของเรา เรารวมพลัง เราก้าวผ่าน ทำให้ตัวเลขลดลง ผมเห็นความเชื่อมั่น ในระดับจังหวัด หากต่อไปจะนำไปสู่ในระดับชุมชน ตำบล และที่สำคัญ ในระดับของครอบครัว และบุคคล ทั้งนี้ เนื่องในวันครอบครัว ขอเน้นย้ำว่า ถึงแม้จะห่างด้านร่างกาย แต่สิ่งสำคัญ คือ เราต้องมีความผูกพันที่ดีของสังคม เพื่อเป็นกำลังใจที่ดีที่ทำให้เราก้าวผ่านโรคนี้ไปได้

•  สงกรานต์งดเล่นน้ำ งดแพร่เชื้อ 

นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับในช่วงสงกรานต์ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ฝากขอความร่วมมือ งดเล่นน้ำ รวมถึงการเล่นน้ำในบ้านด้วย เจตนาไม่ใช่การจับ แต่การที่ท่านเล่นน้ำ อาจจะนำพาเชื้อโรคจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง ระหว่างเล่นน้ำ อาจจะมีละอองฝอยที่กระจายรวมไปกับละอองน้ำได้ น้ำเป็นพาหะ เชื้อที่จะควบคุมได้ กลายเป็นกระจายไปทั้งหมด
สงกรานต์ช่วงนี้ 7 วันอันตราย หน่วยงานของ สธ. ขีดเส้นใต้ด้วยเช่นกันว่าเป็น 7 วันการระบาดของโควิด19 เช่นเดียวกัน การมีความเสี่ยงของกลุ่มคนที่ติดเชื้อในบ้านมีเปอร์เซ็นต์สูงมากๆ 20-49 ปี ไม่มีอาการสูงมาก หากท่านคิดว่าแข็งแรง ท่านกำลังเอาโรคออกมาสู่ลูกหลานของท่าน ขอให้ทำทุกวิธีในการห่างคนที่เรารัก งดเล่นน้ำ งดกลับภูมิลำเนา งดพิธีกรรรม สรงน้ำพระโดยจัดคิว เว้นระยะห่าง และภาชนะไม่ใช้ซ้ำ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: 7 เรื่องต้องงดในช่วง 'สงกรานต์' ลดการแพร่ระบาดโควิด-19