คกก.ไฟเขียว 3 กลุ่มเข้าไทยได้ แย้ม5ประเทศเสี่ยงโควิดต่ำ

คกก.ไฟเขียว 3 กลุ่มเข้าไทยได้ แย้ม5ประเทศเสี่ยงโควิดต่ำ

คกก.โรคติดต่อฯเห็นชอบชงศบค.อนุญาต 3 กลุ่มเข้าประเทศ 29มิ.ย.นี้ คนไทยกลับบ้าน-ต่างชาติอยู่ยาวยังต้องกักตัว 14 วัน เข้ามาระยะสั้นไม่ต้องกัก เบื้องต้นมี 5 ประเทศเสี่ยงต่ำ ย้ำยังไม่ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้า มุ่งคนไทยเที่ยวในประเทศ สร้างโอกาสเมืองรอง

       เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า คณะกรรมการฯได้เห็นชอบร่างระบบการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19) จากผู้เดินทางที่จะเข้ามาในราชอาณาจักร ภายใต้พรบ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558” เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะการณ์และนโยบายรัฐบาล ในการผ่อนคลายมาตรการและพยุงเศรษฐกิจให้ไปต่อ สร้างรายได้ และแก้ปัญหาสังคมให้กับประชาชน ซึ่งจะมีการเสนอต่อที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.)ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันที่ 29 มิถุนายนนี้
         จำแนกกลุ่มผู้ที่อนุญาตให้มีการเดินทางเข้ามาได้เป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.บุคคลที่นายกรัฐมนตรีอนุญาต คณะทูต คณะกงสุล องค์กรระหว่างประเทศหรือผู้แทนรัฐบาล ผู้ขนส่งสินค้าตามความจำเป็น 2.กลุ่มคนไทยกลับบ้าน ซึ่งจะมีการกำหนดทรัพยากรในการรองรับ และการเข้าสู่สถานที่เฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ และ3.บุคคลที่ถือสัญชาติต่างประเทศที่จะเดินทางเข้ามาประกอบธุรกิจ หรือมีความจำเพาะจำเป็นในระบบเศรษฐกิจ โดยมีการกำหนดเวลาการเข้ามาอยู่ในประเทศที่ชัดเจนระยะสั้น เช่น อาคันตุกะของรัฐบาล กลุ่มนักธุรกิจ นักลงทุนที่ได้รับอนุญาตจากรัฐ และที่เข้ามาอยู่ระยะยาว เช่น แรงงานฝีมือ ผู้เชี่ยวชาญ คนต่างชาติที่เป็นครอบครัวคนไทย ครู/นักเรียนจากต่างประเทศ และผู้ป่วยที่เข้ามารับบริการด้านสุขภาพ เป็นต้น

         “สำหรับคนไทยที่เดินทางกลับเข้ามาอยู่ในประเทศจะต้องเข้าสู่สถานที่เฝ้าระวังที่รัฐจัดให้(State Quarantine)เป็นเวลา 14 วันเช่นเดิม ส่วนคนไทยที่เข้ามาทำธุระเป็นเวลาสั้นๆ ไม่จำเป็นต้องมีการกักตัว เช่นเดียวกับชาวต่างชาติที่หากเข้ามาเป็นระยะเวลาที่สั้นไม่เกิน 14 วันไม่ต้องมีการกักตัว แต่จะต้องดำเนินการตามเงื่อนไขที่รัฐกำหนดไว้ หากเข้ามาอยู่ในระยะยาวก็จะต้องเข้าระบบการกักตัวเช่นกัน”นายอนุทินกล่าว

          ผู้สื่อข่าวถามว่าประเทศที่จะมีการเอ็มโอยู่ร่วมกันในส่วนของ Travel Bubble จะต้องอยู่ในบุคคล 3 กลุ่มนี้เท่านั้นใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เบื้องต้นประเทศที่มีการเห็นชอบที่จะจับคู่เป็น Travel Bubbleกันนั้น ก็จะอนุญาตให้ 3 กลุ่มดังกล่าวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยการเข้ามาแบบมีวัตถุประสงค์ก็จะไม่กักตัว มีการตกลงที่จะเปิดเป็นกรีน เลน(Green Len) แต่ต้องมีการตกลงกันถึงมาตรการก่อนออกมาจากประเทศต้นทาง มีการตรวจอย่างไร มีประกันสุขภาพอย่างไร มาถึงไทยก็ต้องมีการตรวจหาเชื้อแบบรวดเร็ว และต้องโหลดแอพพลิเคชั่นติดตามและรายงานตัว รวมถึงอยู่ตามระยะเวลาที่กำหนด เช่น 5 วัน ต้องมีการระบุว่าอยู่โรงแรมอะไร ไปจุดไหน เป็นต้น ทั้งหมดนี้เป็นการดูความพร้อม ประสิทธิภาพ การควบคุม ป้องกัน รักษา และติดตามได้

        ต่อข้อถามมีการดำเนินการตามมาตรการ Travel Bubbleไปนานเท่าไหร่จึงจะประเมินในส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาในประเทศไทยได้ นายอนุทิน กล่าวว่า จะเริ่มดำเนินการเมื่อพร้อมและสังคมมีความเชื่อมั่น อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน คนไทยเริ่มมีการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น แม้ภาคท่องเที่ยวอาจจะไม่ดีเหมือนช่วงก่อนที่จะมีโรคโควิด-19ระบาด แต่ก็เป็นโอกาสของการท่องเที่ยวในประเทศ เพราะมีคนไทยกลุ่มหนึ่งที่เดิมอาจจะเที่ยวต่างประเทศ ก็กลับมาท่องเที่ยวในประเทศ เกิดเงินหมุนเวียน และสร้างรายได้ให้กับคนไทย โดยเฉพาะการเที่ยวเมืองรอง ที่จะมีคนเดินทางไปมากขึ้น ด้วยการท่องเที่ยวที่ชื่นชมธรรมชาติ วิถีชีวิต วัฒนธรรมและประเพณีที่ดีงามของประเทศไทย คนไทยจะต้องBack to normal กลับมาท่องเที่ยวแบบปกติมากขึ้น

         ด้านนพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวว่า ภายใต้ร่างระเบียบฯ ผู้ที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทย จะต้องมีใบรับรองการตรวจยืนยันไม่มีเชื้อโรคโควิด-19 การทำประกันภัยที่ครอบคลุมหารตรวจ/รักษาโควิด-196 ใบรับรองการบิน หลังจากเข้ามาในประเทศแล้ว กรณีที่เป็นการเข้ามาระยะสั้น ไม่ต้องกักตัว ทุกคนจะต้องโหลดแอพพลิเคชันติดตามตัว เช่น AOT เพื่อสามารถติดตามเส้นทางการเดินทางได้ และต้องมีการแจ้งเส้นทางก่อนล่วงหน้าว่าจะไปที่ไหนอย่างชัดเจน และก่อนเดินทางกลับ จะต้องมีการรายงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ การตรวจเชื้อก่อนกลับ ในช่วงเริ่มต้นประเทศที่น่าจะมีเอ็มโอยูTravel Bubbleร่วมกันเป็นประเทศที่มีการคุมโรคได้ดี เช่น นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย บางเมืองของจีน ญี่ปุ่น และไต้หวัน เป็นต้น เพราะเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ