บ้านราชาผ้าไหม ‘จิม ทอมป์สัน’ พิพิธภัณฑ์ดีๆ ในเมืองไทย

 บ้านราชาผ้าไหม ‘จิม ทอมป์สัน’  พิพิธภัณฑ์ดีๆ ในเมืองไทย

ใครอยากรู้ว่า ฝรั่งอย่าง"จิม ทอมป์สัน" ที่หลงใหลความเป็นไทย ทั้งเรื่องศิลปะ สถาปัตยกรรม และประติมากรรม รวมถึงต้นหมากรากไม้เป็นอย่างไร ต้องแวะมาที่พิพิพิธภัณฑ์แห่งนี้

เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา มีโอกาสไปเที่ยว พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน (Jim Thompson House Museum) ทำให้รู้ว่า เมืองไทยก็มีพิพิธภัณฑ์ดีๆ ให้ชมเหมือนกัน แต่คนไทยไม่ค่อยแวะเวียนไปเที่ยว อาจคิดไปเองว่า คงเป็นพิพิธภัณฑ์เหงาๆ แห้งๆ และน่าเบื่อ แต่ตรงกันข้ามเลย เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตชีวา ร่มรื่น และมีอะไรให้ดูเยอะ รวมถึงมีไกด์นำชมที่ใส่ใจในรายละเอียด

พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน (Jim Thompson House Museum) ตั้งอยู่ในซอยเกษมสันต์ 2 ถนนพระราม 1 เดินทางง่ายและสะดวก ถ้าไม่มีรถยนต์สามารถลงที่สถานีบีทีเอสสนามกีฬา ใกล้มาบุญครอง แล้วเดินเข้าซอยไม่ไกลมาก หรือนั่งรถเล็กๆ ของพิพิธภัณฑ์เข้าไปก็ได้

และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เข้าไปชมสถาปัตยกรรมและโบราณวัตถุในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งก่อนหน้านี้เรือนไทยของจิม ทอมป์สัน สร้างไว้ใกล้ริมคลองแสนแสบ ฝั่งตรงข้ามคลองเป็นชุมชนมุสลิมบ้านครัว แหล่งทอผ้าที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน

159564975298

                                                                            -1-

พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน เป็นแหล่งท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ที่คนต่างชาติเคยแวะมาชมเยอะมาก แต่ตอนนี้คงเงียบเหงาตามสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด

ไกด์พาชม บอกว่า เมื่่อก่อนมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาวันละ 1,000 กว่าคน ถ้าเป็นช่วงไฮซีซั่นประมาณวันละ 1,800 คน โดยค่าบัตรเข้าชม คนไทยและต่างชาติ ราคาเดียวกันคือ 200 บาท แต่ขอบอกว่าคุ้มค่าที่ได้ชมของเก่าที่หาดูได้ยาก และเก็บรักษาไว้อย่างดี

ก่อนอื่น คงต้องเล่าประวัติของจิม ทอมป์สัน สักนิด...
เขาเป็นสถาปนิกชาวอเมริกัน ที่หลงใหลผ้าไหมไทยและชอบสะสมของเก่า ย้ายมาเมืองไทยเมื่อปี พ.ศ. 2488 เนื่องจากเป็นอาสาสมัครในกองทัพอเมริกา เมื่อลาออกจากราชการ เขาตัดสินใจอยู่เมืองไทยเป็นการถาวร

จิม ทอมป์สัน เป็นคนที่รักศิลปวัฒนธรรม เขาช่วยฟื้นฟูกระบวนการทอผ้าด้วยมือของชุมชนบ้านครัว พัฒนาสี การเลี้ยงหม่อนไหม และการออกแบบ จนผ้าไหมไทยเป็นที่รู้จักทั่วโลก

เพราะรักเมืองไทย จึงปักหลักปลูกบ้านเรือนไม้สักไว้ 6 หลัง ออกแบบโดยศึกษาจากภูมิปัญญาไทยสมัยโบราณ เขาเลือกใช้กระเบื้องมุงหลังคาที่นิยมในสมัยอยุธยา ปัจจุบันเป็นของหายาก

จิมย้ายเข้ามาบ้านเรือนไทยในปี พ.ศ. 2502 และต่อมาเขาได้เปิดบ้านให้สาธารณชนเข้าชม เนื่องจากสะสมศิลปะและวัตถุโบราณที่น่าสนใจไว้เยอะ จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2510 จิมหายสาบสูญไปในป่าที่มาเลเซีย และไม่เคยมีผู้ใดทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับจิมเลย

159565086567

                                                                             -2-
ปัจจุบันบ้านจิม ทอมป์สัน เป็นพิพิธภัณฑ์อยู่ในความดูแลของมูลนิธิจิม ทอมป์สัน จัดแสดงศิลปวัตถุของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะพระพุทธรูปยุคสมัยต่างๆ จำนวนมาก ตัวอาคารเรือนไทยได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่นประจำปี พ.ศ. 2539 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์

“บันไดทางขึ้นบ้าน คุณจิมออกแบบเอง สมัยนั้นเอาไม้สักมาจากอยุธยา พื้นหินอ่อนขาวดำนำเข้าจากอิตาลี อายุกว่า 200 ปี ส่วนพระพุทธรูปไม้แกะสลัก ไม่ใช่ของไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ มีทั้งพม่า ลาว และจีน และโบราณวัตถุทั้งหมดในบ้านไม่ใช่ของสมบูรณ์แบบ ” ไกด์บอกและย้ำว่า ภายในบ้านไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ

ไม่ว่าจะนั่งมุมไหนในพิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน ก็ร่มรื่นทุกมุม เนื่องจากต้นไม้เยอะมาก และต้องยอมรับว่าที่นี่มีการออกแบบและจัดวางพิพิธภัณฑ์ได้ดีมาก แต่ละมุมมีของเก่าหาดูยากอายุกว่าร้อยปีหลายร้อยชิ้น บางชิ้นนำมาซ่อมแซมใหม่อย่างภาพวาดที่สีซีดลง เนื่องจากแสงไฟ ดังนั้นภายในบ้านจึงต้องเปิดเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา

159565132841

ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ มีเครื่องเบญจรงค์ 8 สีให้ชมด้วย และที่พิเศษกว่านั้นคือ มีกาเบญจรงค์ใส่ไวน์ โดยสามารถกรอกไวน์จากก้นกา โบราณวัตถุชิ้นนี้เป็นของเก่าตั้งแต่สมัยที่มีการเดินเรือติดต่อค้าขายระหว่างไทยกับต่างชาติ

ตามประสาสถาปนิก ย่อมรู้ดีว่ามุมไหนของบ้านเป็นด้านรับลมได้ดี ด้านหน้าเรือนไทยเปิดโล่ง มีต้นจามจุรีใหญ่อายุกว่า 70-80 ปี ในอดีตจิมใช้เป็นสถานที่พบปะกับชาวบ้านที่นำผ้าไหมมาส่งและตรวจสอบ กลางบ้านประดับด้วยโคมระย้าจากเบลเยี่ยมอายุกว่า 200 ปี เวลาจะทำความสะอาดก็ยากมาก ต้องจ้างช่างมาถอดอุปกรณ์

“ประตูด้านข้างที่เห็นดัดแปลงมาจากประตูโรงรับจำนำที่เวิ้งนาครเขษม และที่นี่มี นัต (ผีหรือเทวดาของชาวพม่า) อยู่ตามมุมบ้านประมาณ 6 ตน คุณจิมได้มาจากรัฐบาลพม่า” ไกด์นำชมเล่า

                                                                             -3-
การเดินเที่ยวชมในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ทำให้เข้าใจว่าแหล่งเรียนรู้ที่มีชีวิตชีวาให้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน ความคิดสร้างสรรค์ เป็นเช่นนี้นี่เอง และเพิ่งได้มีโอกาสเห็นโถปัสสาวะรูปแมวยกหัวที่พ่อแม่เด็กๆ สมัยโบราณใช้ในห้องนอน และภาพชาดกจากกระดาษข่อยในห้องนอนจิม

159565089811 “หลังจากคุณจิมหายไป ได้เขียนพินัยกรรมยกให้หลานชายดูแลต่อมา 7 ปี หลังจากนั้นยกให้มูลนิธิฯ” ไกด์ เล่าส่วนเรือนไทยหลังเล็กๆ และใต้ถุนบ้าน สามารถเที่ยวชมได้เองโดยไม่ต้องมีไกด์ และนักท่องเที่ยวสามารถถ่ายภาพได้ โดยแต่ละมุมประดับด้วยโบราณวัตถุ
ที่โดดเด่นก็คือ บล็อกโลหะที่ติดไว้บนผนังใต้ถุนเรือนไทย ที่จิมดัดแปลงเอง เพื่อใช้พิมพ์ผ้าโสร่ง โดยให้ช่างแกะสลักทำเป็นรูปสัตว์ต่างๆ รวมถึงโบราณวัตถุจากจีนหลายชิ้น ซึ่งถ้าไม่มีไกด์นำชมก็จะไม่รู้ว่า คุณจิมเก็บรักษาเครื่องลายครามที่มีการซ่อมแซมจากช่างชาวจีนสมัยโบราณด้วย

นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปเศียรขาดยุคทวาราวดี อายุกว่า 1,400 ปี เมื่อก่อนตั้งอยู่บนบ้าน แต่เนื่องจากพื้นรับน้ำหนักไม่ไหว จึงนำมาตั้งใต้ถุนบ้าน โดยด้านบนเหนือพระพุทธรูป กั้นพื้นที่ไม่ให้คนเดินผ่าน
นอกจากเรือนบ้านที่ราชาผ้าไหมอาศัยอยู่ ยังมีเรือนคนสวน ล่ามภาษาและคนงาน ปัจจุบันใช้เป็นห้องแสดงภาพและประติมากรรม

...............................

หมายเหตุ : เปิดให้ชมทุกวัน เวลา 11.00-18.00 น. เวลาของทัวร์ที่มีมัคคุเทศก์นำชม รอบสุดท้ายอยู่ที่เวลา 18.00 น.

ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 200 บาท (อายุต่ำกว่า 21 ปี บัตรราคา 100 บาท ) สอบถามได้ที่เบอร์โทร  0-2216-7368
หรือเว็บไซต์ : http://www.jimthompsonartcenter.org/