วัคซีนโควิด-19 'ประสิทธิภาพ' กับ 'ความปลอดภัย' อะไรสำคัญกว่า ?
หมอประสิทธิ์ ชี้ การเลือกวัคซีนไม่จำเป็นต้องประสิทธิภาพสูงใกล้ 100% แต่ต้องไม่น้อยกว่า 50% ปัจจัยสำคัญ คือ ความปลอดภัย และต้องคำนึงถึงการบริหารจัดการ เก็บรักษา จุดประสงค์หลักของการฉีดไม่ใช่เพื่อปลอดการติดเชื้อ แต่ลดการระบาด ความรุนแรง และเสียชีวิต
วันนี้ (19 ม.ค.64) “ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา” คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวในการแถลงข่าว สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หลังเริ่มมีการฉีดวัคซีน โดยระบุว่า ความจริงที่ควรรู้เกี่ยวกับการผลิตการพัฒนาวัคซีนนั้น พบว่า วัคซีนที่ผ่าน Preclinical phase คือ ศึกษาเฉพาะในสัตว์ทดลอง ประสบความสำเร็จเมื่อใช้ในคน มีเพียงราว 7% ขณะที่ วัคซีนที่ผ่านเข้าสู่การศึกษาในคน ประสบความสำเร็จเพียงประมาณ 20% วัคซีนที่ผ่านการศึกษาในคนระยะที่ 3 อาจประสบความสำเร็จในการใช้จริงเพียง 50% (เหตุผลของการต้องผลิตวัคซีนในหลากหลายรูปแบบ) และ คนจากต่างพื้นที่ ต่างวัย อาจตอบสนองต่อการฉีดวัคซีนไม่เหมือนกัน
ดังนั้น การเลือกวัคซีนไม่จำเป็นต้องเลือกวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงใกล้ 100% แต่อย่างน้อยต้องไม่น้อยกว่า 50% (วัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ฉีดประจำปี ทั่วไปมีประสิทธิภาพประมาณ 50% ดังนั้น ผู้ที่ได้รับการฉีด ยังอาจเป็นไข้หวัดใหญ่แต่จะไม่รุนแรง และลดอัตราการเสียชีวิต) แต่ปัจจัยสำคัญในการเลือกวัคซีน คือ ความปลอดภัย รวมถึงต้องคำนึงถึง การบริหารจัดการให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนที่ยังมีคุณภาพ เป็นอีกหนึ่งข้อพิจารณาที่สำคัญในการเลือก เพราะวัคซีนบางชนิดจัดเก็บยาก ต้องคำนึงถึงการขนส่งโดยเฉพาะไปในพื้นที่ห่างไกล การเก็บในอุณหภูมิที่ไม่ถูกต้อง ทำให้เสื่อมประสิทธิภาพ ดังนั้น การใช้วัคซีนต้องดูองค์ประกอบนี้ด้วย
คณบดี คณะแพทย์ฯ ศิริราช กล่าวต่อไปว่า ข้อมูลเมื่อวันที่ 14 ม.ค.64 ทั่วโลกขณะนี้มีวัคซีนที่อยู่ในระยะที่ 3 จำนวน 20 ตัว มีการใช้ในหลายประเทศกรณีฉุกเฉิน ที่มีความจำเป็น จำนวน 8 ตัว และใช้ทั่วไป 2 ตัว หยุดการผลิต 1 ตัว โดยวัคซีนที่ศึกษาในคนระยะ 1 – 2 เพื่อศึกษาเน้นความปลอดภัยซึ่งสำคัญ ก่อนเข้าสู่ระยะ 3 เป็นการประเมินประสิทธิภาพ ทั้งนี้ แนวทางเกี่ยวกับการบริหารจัดการฉีดวัคซีนของประเทศต่างๆ นั้น พบว่า มักใช้วัคซีนมากกว่า 1 ประเภท/แบรนด์ เช่น อังกฤษ ใช้ทั้งของ ไฟเซอร์-ไบโอเอนเทค โมเดอร์นา และ แอสตร้าเซเนก้า
จุดประสงค์หลักการฉีดวัคซีน ไม่ได้เพื่อไม่ให้มีการติดเชื้อ แต่เพื่อลดอัตรา การระบาดของเชื้อ ลดความรุนแรงและการเสียชีวิต ภูมิคุ้มกันต่อเชื้อ สามารถเกิดได้ตามธรรมชาติจากการติดเชื้อ แต่ไม่มีข้อบ่งชี้ใดๆ ว่าในการติดเชื้อแล้ว ผู้ติดเชื้อจะไม่มีอาการ มีอาการน้อย มีอาการมาก หรือเสียชีวิต สิ่งที่รู้ คือ ปัจจัยเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิต การประเมินผลภายหลังการฉีดวัคซีนว่าจะป้องกันโรคได้หรือไม่ ต้องใช้เวลา (Post marketing Surveillance) ดังนั้น การใส่หน้ากาก รักษาระยะห่าง หมันทำความสะอาดมือ หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ชุมชนหน้าแน่นยังจำเป็น
ทั้งนี้ กรณีการฉีดวัคซีนในนอร์เวย์ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต เป็นของไฟเซอร์-ไบโอเอนเทค ซึ่งไทยไม่ได้สั่งเข้ามา เป็นเทคโนโลยีใหม่ mRNA ขณะที่ วัคซีนซึ่งไทยได้สั่งจองไว้ไม่ว่าจะเป็นแอสตร้าเซเนก้า และ ไซโนแวค สองตัวนี้ใช้เทคโนยีที่ใช้มานาน เทคโนโลยีเดียวกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ซึ่งพอจะรู้เรื่องความปลอดภัย
“หากจะบอกวัคซีนทุกตัวปลอดภัย 100% ไม่สามารถพูดได้ แต่วัคซีนไข้หวัดใหญ่เวลานี้ที่ฉีดประจำทุกปี มาจากการนำเอาเชื้อไวรัสมาทำให้อ่อนแรง เช่นเดียวกับ ไซโนแวค ที่ผ่านมา คนที่ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ยังไม่พบผู้เสียชีวิต ดังนั้น ใช้อะไรที่คุ้นเคยน่าจะดีกว่า เพราะเป็นเทคโนโลยีที่ใช้มานาน และยังไม่มีอันตรายถึงชีวิต เป็นประสบการณ์ที่สั่งสมมา”
- ภูมิคุ้มกัน มีโอกาสลด ติดเชื้อซ้ำได้
ขณะเดียวกัน ความจริงที่ควรรู้เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิด-19 คือ ประมาณร้อยละ 95 ของผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 มีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นและอาจสูงพอที่จะยับยั้งเชื้อได้ตั้งแต่ 8 วันหลังการติดเชื้อ ขึ้นกับความรุนแรงของโรค (รุนแรงน้อย ระดับภูมิคุ้มกันน้อย) ระดับภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้น จะขึ้นเร็วใน 3 สัปดาห์แรกหลังการติดเชื้อ แล้ว ค่อย ๆ ลดลง
การศึกษาของหน่วยงาน Public Health England (PHE) ระบุว่า ภูมิคุ้มกันจะคงอยู่ไม่น้อยกว่า 5 เดือน แต่ไม่น่าจะคงอยู่นาน จากการที่ภูมิคุ้มกันไม่ได้อยู่นาน การติดเชื้อซ้ำจึงเกิดขึ้นได้ จำนวนสัดส่วนประชากรที่มีภูมิคุ้มกันที่จะก่อให้เกิด Herd (Community) Immunity (ภูมิคุ้มกันหมู่) ในการแพรระบาดของโควิด 19 ยังไม่ทราบซัดเจน (ในโรคหัดคือ 95% ในโปลิโอคือ 80%)
คณบดี คณะแพทย์ฯ ศิริราช กล่าวต่อไปว่า การติดเชื้อรอบนี้ของไทย มีผู้ป่วยหนักอายุ 40 ปี และมีผู้เสียชีวิตอายุน้อยเช่นกัน ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าใครปลอดภัย หรือใครจะเสียชีวิต ไวรัสล่องลอยในอากาศ ไม่สามารถเพิ่มจำนวนในอากาศ ต้องอยู่ในสิ่งมีชีวิต ในกรณีเหล่านี้หากไวรัสไม่สามารถเข้าไปในตัวคนได้จากการที่มีภูมิคุ้มกัน จำนวนไวรัส จะค่อยๆ ลดจำนวนลงไป
“คำว่าภูมิคุ้มกันหมู่ เกิดได้ 2 แบบ จากการติดเชื้อธรรมชาติ ซึ่งไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าผู้ติดเชื้อจะมีภูมิคุ้มกันหรือเสียชีวิต และ รูปแปปถัดมา คือ ฉีดวัคซีน จะทำให้คนไม่มีภูมิ มีภูมิและอัตราการตายน้อยลง การฉีดวัคซีนต้องให้ความสำคัญด้านความปลอดภัย ลดอัตราการตายจากไวรัส และต้องไม่ตายจากวัคซีน"
สำหรับแนวทางการจัดการการแพร่ระบาด ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ เสนอแนะว่า ในส่วนของ “ผู้ประกอบการ” ขอให้ดำเนินการตามข้อกำหนดการป้องกันการแพรระบาดที่มีประกาศอย่างเคร่งครัด เพราะมีโอกาสที่จะมีผู้ติดเชื้อเข้ารับบริการโดยที่ไม่มีอาการชัดเจน คือ ตรวจวัดอุณหภูมิกาย รักษาระยะห่างระหว่างบุคคล จัดให้มีแอลกอฮอล์เจล พนักงานใส่หน้ากาก จัดให้มี QR Code เพื่อ check-in, check-out
“ผู้เข้ารับบริการ” ขอให้ดำเนินการตามข้อกำหนดการป้องกันการแพร่ระบาดที่มีประกาศอย่างเคร่งครัด เพราะมีโอกาสที่จะมีผู้ติดเชื้อที่อยู่ใกล้โดยไม่มีอาการซัดเจน ตรวจวัดอุณหภูมิกาย รักษาระยะห่างระหว่างบุคคล จัดให้มีแอลกอฮอล์เจล ใส่หน้ากากและถอดเมื่อมีความจำเป็น check-in, check-out
“ประชาชนทั่วไป” ขอให้ดำเนินการตามข้อแนะนำที่มีประกาศจากหน่วยงานราชการ ศบค. อย่างเคร่งครัด ขณะนี้ในสหรัฐอเมริกา มีการแนะนำให้ใส่หน้ากากขณะอยู่ในอาคารด้วย ยกเว้นที่บ้านที่ไม่มีสมาชิกมีอาการผิดปกติ การรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล รวมทั้งหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่มีคนอยู่ร่วมกันมากๆ เป็นเวลานาน การใช้แอลกอฮอร์เจลหรือล้างมือบ่อยๆ การระบุสถานที่ที่ไปมา ผ่านแอปพลิเคชั่น ไทยชนะ หรือให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับผู้เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ การแนะนำเพื่อน ผู้ร่วมงานหรือคนรู้จักให้ช่วยกันดำเนินการดังกล่าว
“คนไทยทุกคนมีส่วนสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 จุดอ่อนแม้แต่จุดเดียว อาจส่งผลมหาศาลต่อประเทศและส่งผลกระทบเชิงลบให้กับสังคม วัคซีนที่ผลิตยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง และผลยังไม่สามารถรับรองได้อย่างเต็มที่ ขอให้ใช้วัคซีนที่ประเทศไทยมี ซึ่งแสดงผลให้เห็นตลอดค่อนปีที่ผ่านมา คือ ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง check-in, check-out และความร่วมใจกันของอสม.” คณบดี คณะแพทย์ฯ ศิริราช กล่าว