‘จัดโต๊ะไหว้ตรุษจีน’ ปีฉลูทอง 'คฑา ชินบัญชร' เผยเคล็ดลับไหว้เจ้ารับโชค
วิธี“จัดโต๊ะไหว้เจ้า” อย่างไรจึงจะเฮงรับ “ตรุษจีน” ปี 2564 วันนี้อาจารย์ คฑา ชินบัญชร แนะ เคล็ดลับไหว้เจ้ารับโชค ในปีฉลูทอง
ก่อนเข้าสู่การ “จัดโต๊ะไหว้เจ้า” เพื่อความเฮงรับ “ตรุษจีน” ปีนี้ อาจารย์ “คฑา ชินบัญชร” กล่าวว่า “ปีฉลูทอง” หรือปี “ซึงทิ่ว” ตัวขององค์ “ไท้ส่วยเอี๊ยะ” มีพระนามว่า “เอี๊ยะซิ่ว” หรือ “เอี๊ยะซิ่ง” เป็นภาษาแต้จิ๋ว เป็นคนที่ต่อสู้กับชนเผ่าซ่งหนู ถือว่าเป็นชนเผ่าร้ายหน่อยของจีนโบราณ ปีนี้จึงเป็นปีที่อาจจะเหนื่อยหน่อย จากโรคภัยไข้เจ็บ จากเรื่องของเศรษฐกิจ แต่ถ้าใครใช้ชีวิตแบบพอเพียง จะเป็นเกณฑ์ที่สำเร็จดี เพราะดินกำเนิดทอง การใช้ชีวิตแบบพอเพียง การเกษตร ธุรกิจหรืออะไรที่เกี่ยวกับ “ดิน” จะรุ่งเรือง
“ตรุษจีน” ปี2564 นี้ควร “จัดโต๊ะไหว้เจ้า” หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ผ้าปูโต๊ะควรเป็น สีแดง ทอง ฟ้า น้ำเงิน ของไหว้บนโต๊ะควรมีน้ำ หรือน้ำชา 5 แก้วแทนธาตุทั้ง 5 น้ำ ไม้ ไฟ ดิน ทอง และปีนี้ ไหว้ “เจฉ่าย” ก็คือ “อาหารเจ” เช่น ผัก ดอกไม้จีน ธัญพืช (ดอกไม้จีน วุ้นเส้น ฟองเต้าหู้ เห็ดหูหนูขาว-ดำ เห็ดหอม) ผักออร์แกนิค ไปสลัดก็ได้ มีผลไม้ ถ้าไหว้บรรพบุรุษขอให้มีน้ำแกง เช่นซุปเยื่อไผ่ ไก่ตุ๋นโสม จะทำให้คล่องคอ ทุกอย่างราบรื่น นี่คือเคล็ด นอกจากกระดาษเงินกระดาษทอง สลากออมสิน บัญชีต่างๆ หุ้น บุ๊คแบงค์ที่มีอยู่ทั้งหมด รวมทั้งกระเป๋าสตางค์ เอาไปไหว้ด้วยแต่ไม่ต้องเผานะ (หัวเราะ)
แล้วบอกอากง และบรรพบุรุษว่า ใส่แบงค์ลงไปอีกเยอะๆนะ นี่เป็นเคล็ดของบ้านอาจารย์เอง “ตรุษจีน” ปีนี้ตรงกับวันที่11 กพ 2564 เวลา 5 ทุ่มถึงตี 5 “ไฉ่ซิงเอี๊ยะ” จะเสด็จมาทางทิศตะวันออก มาพร้อมอี่ซิงเอี๊ยะ ฮัวฮี่ (สองคนคู่แปลว่าแต่งงาน) หรือ (เฉลิมฉลอง) ไหว้เจ้าแล้วระหว่างรอธูปดับ เราต้องพูดแต่สิ่งดีๆ พอธูปใกล้ดับแล้วให้เดินถือกระถางธูปเข้าบ้าน ไปวางไว้ประจำที่เดิม ยามแรกของปีให้นึกถึงความมั่งมีศรีสุข และเงินทอง และสิ่งที่เราปรารถนาเป็นพลังบวกดีๆ ของวันเริ่มต้นแห่งปี
อาจารย์ “คฑา ชินบัญชร” แนะ “ตรุษจีน” ปี 2564 ให้ “จัดโต๊ะไหว้เจ้า” หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เนื่องจาก องค์เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยะ จะเสด็จมาทางทิศตะวันออก ช่วงเวลา 5 ทุ่มคือยามแรกของปีใหม่ สากลนับเวลา 00.00 น.เป็นวันใหม่ แต่จีนนับเวลา 23.00 น. เป็นยามใหม่ของปี หรือยามหนู ใครปักธูปได้เร็วสุดจะเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุด เพราะคนจีนจะไปไหว้พระที่วัด วิ่งไปปักธูปเป็นคนแรก แต่ยุค New Normal ทำที่บ้านก็สะดวกดี 4 ทุ่มเตรียม “จัดโต๊ะไหว้เจ้า” ตั้งองค์ไฉ่ซิงเอี๊ยะ (ถ้ามี) เตรียมกระถางธูปของไหว้ อาหารเจ ผลไม้ น้ำ สมุดบัญชีธนาคาร กระเป๋าสตางค์ ให้ไฉ่ซิงเอี๊ยะประทานเงินให้ 5 ทุ่มก็อธิษฐานจิต เทียนแดงที่ไหว้บางคนก็ดับเทียนแล้วเอาไปเก็บไว้ในตู้เซฟเป็นมงคลแล้วเปลี่ยนทุกปี แต่ไม่เก็บไว้ก็ได้
ความจริงแล้วก็เหมือนเป็นกุศโลบาย ยามแรกของปีนึกอะไรไม่ออกก็ให้นึกถึง ความมั่งมีศรีสุข เงินทอง คนในครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ได้พูดคุยกันในครอบครัวถามถึงทุกข์สุข พอเราพูดถึง “ไฉ่ซิง” เราก็ต้องพูดถึงการบริหารเงิน 12 เดือนทำอย่างไร เป็นจิตวิทยาที่ทำให้เรานึกถึงเรื่องดีๆ อันที่สองก็คือ ฤดูหนาวผ่านไปแล้ว ต่อไปเป็นฤดูเพาะปลูก คนในครอบครัวกันมารวมตัวรับ แสงอาทิตย์แรกของปีหลังจากผ่านฤดูหนาวมาจึง ใช้ “สีแดง” เป็นตัวแทนของพระอาทิตย์
ยุคนี้ของไหว้อื่นๆอาจจะเปลี่ยนไปตามความเหมาะสมเช่น ถ้าจะลดโลกร้อนก็ใช้ธูปไร้ควัน เทียนเล็กลงหน่อย อย่างที่บ้านผมไม่เผากระดาษเงินกระดาษทองมานานมากแล้ว ใช้บุ๊คแบงค์แทน คิดว่าอาม่าอากงและเจ้าก็คงรู้ คิดวิธีง่ายๆสบายๆ เหมือนตอนนี้คิดว่าจะกินเหรอ ไก่ต้ม เป็ดพะโล้ ไม่เบื่อเหรอ หัวหมู เปลี่ยนเป็น “เคาหยก” หรือ “หมูฆ้อง”ก็ได้ เพราะ “ไหว้เจ้า” เสร็จ สุดท้ายก็ต้องเอามากิน ผมไม่เคยไหว้ “เป็ดพะโล้” เพราะที่บ้านกิน “เป็ดปักกิ่ง” บ้านเราไม่ไหว้เครื่องในเพราะไม่กินเครื่องใน “จัดโต๊ะไหว้เจ้า” จัดเต็มแค่ไหนขึ้นอยู่กับกำลังทรัพย์ และจำนวนสมาชิกในบ้าน ใช้สติในการไหว้ก็จะสามารถบริหารจัดการชีวิตได้ดี อีกหนึ่งหัวใจของการไหว้คือความ “กตัญญู” รู้คุณพ่อแม่ ปู่ย่าตายายผู้ให้กำเนิด และกตัญญูต่อแผ่นดิน ผู้รักษาแผ่นดิน บูรพมหากษัตริย์ ทั้งหมดนี้คือหัวใจของการไหว้เจ้ารับตรุษจีน ที่จะทำให้เราเจริญรุ่งเรือง
หัวใจของวัน “ตรุษจีน” อีกอย่างก็คือ การพบปะญาติพี่น้องพูดคุยถามไถ่ทุกข์สุขซึ่งกันและกันเป็นความสัมพันธ์ของครอบครัว ไม่ใช่นั่งเล่นมือถือ รอยยิ้มเสียงหัวเราะคำพูดดีๆอำนวยอวยพรของคนในบ้าน และการ “แต๊ะเอีย” เป็นสินน้ำใจเล็กๆน้อยๆ ที่คนมีเงินเดือนแล้วตอบแทนพ่อแม่ด้วยเงินบ้าง พ่อแม่ก็จะเอาเงินส่วนนี้ใส่ซองให้หลานๆ เป็นวงจรในครอบครัวที่มีความสุข ประเพณีไม่ได้ถูกแสดงออกด้วยโคมไฟ หรือของเซ่นไหว้ใดๆ ต่อให้ตรุษจีนนั้น สงกรานต์ไหนถึงจะไม่มีการสาดน้ำ แต่ถ้าเราเข้าใจหัวใจของตรุษจีน หัวใจของสงกรานต์ สิ่งดีๆเหล่านี้ก็จะยังคงอยู่กับคนไทยและคนไทยเชื้อสายจีน ตลอดไป
สุดท้ายอาจารย์ "คฑา ชินบัญชร" ขออัญเชิญองค์ไท้ส่วยเอี๊ยะ พระนาม เอี๊ยะซิ่ง องค์ไฉ่ซิงเอี๊ยะ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ตลอดจนเทพเจ้าแห่งความรื่นเริง ได้โปรดดลบันดาลประทานพร ให้คุณผู้อ่านกรุงเทพธุรกิจ จุดประกาย ทุกท่านรุ่งเรือง ราบรื่น ร่ำรวย ร่มเย็น เป็นสุขตลอด 365 วัน 12 เดือน 4 ฤดู 1 ปี และตลอดไป