ปาร์ตี้ที่มากกว่า'มอมเหล้า เล่นยา เสียสาว'
ความบันเทิงในรูปแบบปาร์ตี้ ที่คละเคล้าไปด้วยเหล้า ยา และกิจการทางเพศ เคยทำให้ผู้หญิงในอาชีพเอนเตอร์เทนเสียชีวิตมาแล้ว ซึ่งเรื่องนี้โทษผู้หญิงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมองให้รอบด้านว่าปัญหามาจากไหน
ในงานเลี้ยงปาร์ตี้ ความบันเทิงที่ต้องมีเหล้า ยาเสพติด และสาวพริตตี้ ดื่มและเสพ ร่วมกัน และสังคมมักโทษว่า ปัญหามาจากผู้หญิง แต่ถ้ามองให้ลึกกว่านั้น เป็นปัญหาที่ซับซ้อนกว่านั้น และนี่คือปัญหาส่วนหนึ่งของสังคมไทย
ศ.ดร.พญ.สาวิตรี อัษณางค์กรชัย ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา กล่าวว่า จากกระแสข่าวที่พบพฤติกรรมมั่วสุมในงานเลี้ยงปาร์ตี้ ปัจจุบันถูกมองเป็นกิจกรรมบันเทิงที่มีแนวโน้มมั่วสุมยาเสพติดและกิจกรรมทางเพศ อาชีพพนักงานเอนเตอร์เทน ที่ใช้หญิงสาวหน้าตาดี บุคลิกดี ให้ค่าตอบแทนสูง ขึ้นอยู่กับลักษณะของการรับงาน เช่น แค่เป็นเด็กชงเหล้า กินเหล้าเป็นเพื่อน ต้องอัพยาในปาร์ตี้ หรือมีเซ็กส์
แม้ค่าตอบแทนจะมาก แต่ความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นตามรายได้ เช่น ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ทำร้ายร่างกาย มอมยา มอมเหล้า เสียชื่อเสียง ใช้ยาเกินขนาด มีแอลกอฮอล์ในเลือดเกินขนาดจนเป็นพิษ ร้ายแรงที่สุดคือการเสียชีวิต และความเสี่ยงอื่นๆ เช่น ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
“การดื่มเหล้าร่วมกับการใช้สารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทตัวอื่น เช่น ยากล่อมประสาท ยานอนหลับ ยาอี ไอซ์ จะเพิ่มอันตรายมาก ยกตัวอย่างที่เห็นบ่อยๆคือ ดื่มเหล้าร่วมกับใช้ยากล่อมประสาท ยานอนหลับ
ตัวที่รู้จักกันดี เช่น แวเลียม ซาแนก มีการใช้เป็น “ยาเสียสาว” หรือ “ยาปล้นสวาท” มีฤทธิ์กดประสาท เมื่อใช้ร่วมกับเหล้า จะยิ่งทำให้เคลิ้ม ควบคุมสติไม่ได้ ขาดความยับยั้งชั่งใจ เคลื่อนไหวทรงตัวและสัมผัสไม่ดี
นอกจากนี้ ยังมีอาการง่วงซึม หมดสติ โคม่า กดการหายใจ และตายได้ บางรายอาจสำลักอาหารหรือน้ำเข้าไปในทางเดินหายใจและปอด ทำให้ปอดติดเชื้อและปอดบวม ส่วนกรณีที่ดื่มเหล้าร่วมกับยา เช่น ยาบ้า ยาอี ไอซ์ ยาเค มักพบบ่อยในกลุ่มเที่ยวสถานบันเทิง ทำให้เรียกยากลุ่มนี้ว่า “ยาบันเทิง” หรือ “คลับดรักส์” ผู้ใช้จะมีอารมณ์ครึกครื้นรื่นเริงผิดปกติ ประสาทหลอน หวาดระแวง ขาดความยับยั้งชั่งใจ มีความต้องการทางเพศเพิ่มขึ้น ควบคุมตนเองไม่ได้
ส่วนผลทางร่างกาย เช่น อุณหภูมิร่างกายขึ้นสูง หน้าแดง ตัวแดง ม่านตาขยาย หัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะ ความดันโลหิตสูง หัวใจขาดเลือด เดินเซ หกล้ม และในระยะยาวยังเพิ่มความเสี่ยงเป็นมะเร็งหลายชนิดอีกด้วย” ศ.ดร.พญ.สาวิตรี กล่าว
จะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า อาชีพนี้เป็นทางเลือกที่เสี่ยงพอสมควร เพราะงานแบบนี้สามารถเรียกไปบริการเป็นการส่วนตัว ซึ่งคนที่ดูแลอาชีพแบบนี้ หรือบรรดาโมเดลลิ่งแทบไม่ต้องรับผิดชอบอะไร กรณี วาวา หรือลาลาเบล เขาก็เป็นแรงงานคนหนึ่ง ที่ต้องมีความคุ้มครองและดูแลเขา ถ้าเกิดมีทางเลือกอื่น ผู้หญิงคงไม่มาเลือกอาชีพแบบนี้
"ผู้หญิงยังถูกเลือกปฏิบัติ พอเกิดเหตุการณ์ขึ้น ผู้หญิงก็ถูกตีตรา ดูถูก ซึ่งอยากให้เข้าใจว่า คนที่ทำอาชีพนี้เขาต้องแบกรับอะไร บางคนทำงานคนเดียวแบกรับภาระทั้งครอบครัว ไม่ว่าจะอาชีพอะไร ต้องมีความปลอดภัยมีการคุ้มครอง"
ด้านชูวิทย์ จันทรส ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์กล่าวว่า ปาร์ตี้ในพื้นที่ส่วนตัว กำลังเป็นเทรนด์ของกลุ่มคนที่มีฐานะเพราะไม่มีกำหนดเวลาเปิดปิด ตำรวจไม่วุ่นวายมาตรวจจับ เหมือนร้านเหล้าผับบาร์ มันเป็นการพัฒนารูปแบบ ที่ตอบสนองกิเลสของผู้คนกลุ่มนี้
ปัจจุบันเมื่อสาวเชียร์เบียร์เข้าข่ายความผิด มีกฎหมายควบคุมเรื่องการส่งเสริมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จึงหลบเลี่ยง กลายสภาพเป็นดื่มในพื้นที่ลับส่วนตัวกฎหมายเข้าไปไม่ถึง
“อาชีพนี้มีคนที่ได้ประโยชน์เต็มๆ คือนายหน้าโมเดลลิ่ง แทบไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ความเสี่ยงทุกอย่างตกอยู่กับผู้หญิงฝ่ายเดียว พอดื่มเหล้าเบียร์ หรือเสพยา เมาครองสติไม่ได้ นำไปสู่การลวนลามล่วงละเมิดทางเพศ และอาจเสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิต
ดังนั้น การที่โมเดลลิ่ง ส่งหญิงสาวไปทำงานที่สุ่มเสี่ยงแบบนี้มีคนได้ประโยชน์จากการกระทำนี้ อาจจะเข้าข่ายความผิดใน “การแสวงหาประโยชน์ทางเพศในรูปแบบอื่น” ตามความในมาตรา4แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551ด้วยหรือไม่ ซึ่งเครือข่ายฯจะมีการหารือและเคลื่อนไหวเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ”