บทเรียนการติดโควิด’คุณชายอดัม’ “ถ้าเอาเชื้อไปติดคนอื่น อันตรายมาก”  

บทเรียนการติดโควิด’คุณชายอดัม’  “ถ้าเอาเชื้อไปติดคนอื่น อันตรายมาก”   

การติดไวรัสโควิดครั้งนี้ คุณชายอดัมบอกว่า “ไม่ว่าโรงพยาบาลใหญ่ โรงพยาบาลเล็ก โรงพยาบาลสนาม สิ่งที่คุณเจอคือเตียงหนึ่งเตียง ข้าวสามมื้อ ไม่ต่างกันเลย” และอีกหลายเรื่องที่ควรรู้

"สิ่งสำคัญคือ ถ้าเรารู้ตัวว่า เราติดโควิด จะระมัดระวังตัวเองไม่ให้ติดคนอื่นยังไง วัยรุ่นหรือวัยเราๆ ผมอายุ 35 แล้ว ก็ยังโอเค. ไม่อยากให้รุ่นคุณพ่อคุณแม่ปู่ย่าตาทวดเจอโควิด ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงสูงกว่า หรือคนที่เป็นเบาหวาน ความดัน คอเลสเตอรอล ก็จะอันตรายกว่า" คุณชายอดัม หรือ ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล ผู้กำกับ ผู้บริหาร VIU Yhailand กล่าวในรายการ The Active ทาง Facebook Live หัวข้อ โควิดคิดบวก...จาก รพ.สนาม สู่ Home Isolation เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2564 ระหว่างที่รักษาตัวในโรงพยาบาล

 

ตอนนี้อาการเป็นอย่างไร

"อยู่มา 8 วันแล้ว วันนี้(19เม.ย.64) ผมมีอาวุธส่วนตัวคือคอมพิวเตอร์ มีมือถือเครื่องหนึ่งก็เหมือนมีออฟฟิศอยู่ด้วย ผมทำแบบนี้มานานแล้ว วันที่รู้ว่าติดโควิด ผมแค่หยิบเป้แล้วก็เดินขึ้นรถพยาบาล ผมสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แตกต่างอย่างเดียวคือเปลี่ยนเตียงนอน"

161891269673

ตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดกี่ครั้ง

"ตรวจครั้งเดียว ไม่แน่ใจว่า วันแรกที่ติดวันไหน เพราะมีโอกาสติดได้หลายวัน ตอนผมไปตรวจคิดว่าติดจากคุณแสตมป์ เพราะอยู่ในสถานที่เดียวกันกับที่ผมทำงาน หลังจากนั้นมารู้ว่า สถานที่ๆ คุณแสตมป์ไป และในออฟฟิศนั้นไปตรวจหมดแล้ว ไม่ติดเลยสักคน

แต่วันที่ผมไปตรวจ น้องที่อยู่กับผม เขาแจ้งมาว่าเขาอยู่ในที่เสี่ยงแล้วเขาติด หลังจากที่ผมติดแล้วหนึ่งวัน ผมก็เลย อ๋อ ไม่ได้ติดจากแสตมป์ ติดจากน้องผมนี่ละ 4-6 วัน ตรวจเจอ"

คิดว่าตัวเองจะป่วยหนักไหม

"ถ้าคิดไป แล้วรักษาไม่ได้ ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะว่าการรักษาเป็นหน้าที่ของแพทย์ ถ้าเราติดแล้วเราก็ระมัดระวังไม่ให้ผู้อื่นติด นั่นคือสิ่งที่สำคัญมาก สอง.ถ้าเราติดแล้วเราสุขภาพจิตเสีย ก็ไม่มีประโยชน์ ยังไงคุณก็ต้องเข้าโรงพยาบาลอยู่ดี ต้องอยู่ในเกณฑ์การกักตัว 14 วัน ของภาครัฐ สาม. ถ้าคุณมีมือถือแล้วสัญญาณดี ก็ไม่น่าจะมีอะไร เพราะคุณก็สามารถสื่อสารกับคนทั้งโลกได้

ถ้าอาการไม่เลวร้าย ก็ไม่มีอะไรที่แตกต่าง เสียงผมก็ปกติ ผมมีแค่อาการคันคอ ไม่มีไข้ การรับรู้เรื่องกลิ่น เรื่องรสชาติยังปกติ ไม่มีน้ำมูก ผมได้เอ็กซเรย์และ CT Scan ปอดแล้ว มีเชื้ออยู่ข้างในนิดหน่อย เขาก็จะให้ยาเรมเดซิเวียร์ เป็นยาที่ใส่ในน้ำเกลือ มีฤทธิ์อยู่ 5 วัน แล้วก็มีแค่ยาแก้ไอ"

คนอื่นๆ ในกลุ่มเป็นอย่างไรบ้าง

"น้องๆ นักแสดงที่ผมฝึกอยู่ และทีมงาน 2-3 คน ก็แยกย้ายกันไปตามโรงพยาบาลต่างๆ ลูกทีมผมทานยาอยู่ 12 เม็ด เช้า 6 เย็น 6 เป็นยาจีน ไม่รู้ตัวยาชื่ออะไร เป็นยาต้านไวรัสเหมือนกัน คนละแบบกับผม ก็แตกต่างกันไปตามแพทย์แนะนำ แต่ส่วนใหญ่ 3-4 วันอาการทุกคนดีขึ้นตามลำดับครับ"

มีทั้งหมดกี่คน

"น้องที่เอาโควิดมาติดผม เขาไปเที่ยวทองหล่อ แล้วมาฝึกการแสดงกับผม เอามาติดผมและน้องๆ ที่ฝึกการแสดงด้วยกัน รวมตรงนี้  9 คน หลังจากนั้นเราก็ไปติดทางค่าย LOVEiS คุณโดม จารุวัฒน์, คุณนนท์ ธนนท์, คุณอลิน วี สามคน มีพี่อีกคนในงานสมาคมผู้กำกับเป็นช่างแต่งหน้าทำผม แต่ที่เหลือในงานนี้ไม่มีใครติดเชื้อ โดยรวมประมาณ 15-20 คน ยังพูดคุยกันตลอด โทรไปขอโทษขอโพยทุกท่านเลย บางคนก็โกรธ บางคนก็ไม่โกรธ"

161891294318

รู้สึกโกรธน้องที่ไปเที่ยวทองหล่อ แล้วมาติดเราบ้างไหม

"มันเป็นความโชคร้าย เพราะคนเที่ยวผับไม่ได้มีน้อยฮะ แล้วทั้งโต๊ะสิบคน ผลตรวจเป็นลบหมดมีเขาคนเดียวผลเป็นบวก การเอาตัวเองไปอยู่ในความเสี่ยง ทุกคนมีโอกาสติด ผมก็ไม่รู้จะโกรธทำไม

แต่ถ้าเขารู้ว่า มีโอกาสติดโควิดแน่นอน แล้วยังไปเที่ยว อันนี้น่าโดนเตะครับ ผมก็พยายามบอกเขาแล้วว่า โอกาสติดยังมี"

พูดแบบนี้โลกสวยไปไหม

"เท่าที่ทราบการกักตัวมีสองแบบ แบบที่หนึ่งไม่อยากได้เตียง อยากกักตัวอยู่บ้าน คุยออนไลน์กับหมอ อีกแบบอยากได้เตียงมากๆ พอดีผมไปต่อคิวไว้ พอผมรู้ตัวว่าติด ผมรีบหาโรงพยาบาล ผมโอเคกับการอยู่บ้าน แต่เขายังไม่ให้ ตอนนี้เตียงในโรงพยาบาลสนาม และHospitel ก็มีความพร้อมที่จะรองรับอยู่นะครับ ถ้าไม่มีก็โทรไปเบอร์ 1668"

หลังจากได้ยาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง

"อาการดีขึ้นครับ เป็นยาต้านไวรัสตัวหนึ่ง มียาต้านไวรัสหลายรูปแบบ ในต่างประเทศมีตั้งแต่รักษาดูอาการที่บ้าน รักษาตามอาการ มีการใช้ยาต้านไวรัส ณ เวลานี้ ไม่มีอะไรถูกผิด 100 เปอร์เซ็นต์ ทุกอย่างเป็นการตัดสินใจของแพทย์ เพราะโรคนี้ยังใหม่มาก

เราก็เชื่อมือหมอ แต่ละโรงพยาบาล ก็จะใช้สูตรรักษาแตกต่างกัน อัตราเสียชีวิต หรือ โคม่าไม่ได้สูงถึงขั้นน่ากลัวขนาดนั้น แล้วคนที่อยู่ขั้นนั้นจะมีภาวะอื่นๆ ประกอบด้วยจำนวนมาก"

อยู่โรงพยาบาลรู้สึกอึดอัดบ้างไหม

"ผมไม่ค่อยมีปัญหานะ แต่น้องคนหนึ่งเขาจะคิดถึงแมว ส่วนตัวผมทำงานตามปกติ ประชุมงาน คุยงาน ที่ผมสงสัยคือโรงพยาบาลสนามมีปลั๊กชาร์จไฟหรือเปล่า ผมอยู่ที่ไหนก็ได้ ผมเป็นผู้จัดละคร นอนกลางดินกินกลางทราย ผมไม่ค่อยมีปัญหา ช่วงน้ำท่วมใหญ่ ผมไปทำงานนอนกินอยู่ในศูนย์พักพิง 4-5 เดือน"

สิ่งที่อยากจะบอกกับคนอื่นมีอะไรบ้าง

"สิ่งที่สำคัญมากๆ คือ หนึ่ง ต้องไม่ตื่นตระหนก สอง คนรอบข้างก็ไม่ควรตื่นตระหนก แต่ต้องระมัดระวัง สาม. สังคมรอบข้าง ต้องมีความรู้ความเข้าใจไวรัสโควิด แต่ตอนนี้เรากำลังมองว่าคนติดโควิดกับคนร้ายเป็นคนเดียวกัน สังคมมองไม่ค่อยดีนัก คนที่อยู่คอนโด ก็ถูกฝ่ายนิติฯไล่ออก หรืออยู่ในหมู่บ้านก็ถูกกดดัน

แพทย์บอกว่า คนที่ติดโควิด หลังจากหายแล้ว หลายๆ ครั้งที่ Swap แล้ว ผลยังเป็นบวกได้อยู่ เพราะซากของไวรัสโควิดยังอยู่ในร่างกาย

ตอนนี้คนติดโควิดเป็นพันกว่าๆ ทุกวัน สิบวันเป็นหมื่น เป็นแสน ต่อไปเป็นล้าน เป็นปัญหาที่ใหญ่มาก ถ้ารัฐบาลไม่สามารถให้ความรู้ความเข้าใจได้เร็วเพียงพอ ผมว่ามันจะมีปัญหาในการสื่อสารระหว่างคนที่เป็นคนไข้ หรือ อดีตคนไข้ อยากให้มีการสื่อสารที่ีชัดเจน"

161891297017

สำหรับคนที่ยังไม่ติดไวรัสโควิด ต้องเตรียมตัวยังไง

"มันไม่ต่างกัน จะโรงพยาบาลใหญ่ โรงพยาบาลเล็ก โรงพยาบาลสนาม สิ่งที่คุณเจอคือเตียงหนึ่งเตียง ข้าวสามมื้อ ไม่ต่างกันเลย"

ต้องเตรียมเงินแค่ไหน รัฐแจ้งว่ารักษาฟรี ตามกฎหมาย

"ถ้าเป็นโรงพยาบาลเอกชน ก็ให้ประกันดูแล ผมโชคดีที่มีประกัน ผมใช้ชีวิตเสี่ยงมาโดยตลอด เข้าโรงพยาบาลบ่อยมาก ปีหนึ่ง 4-5 ครั้ง เพราะผมทำงานหนัก นอน 2 ชั่วโมง ทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ ไม่มีวันหยุด ผมทำประกันชีวิตแบบสูงๆ เลย 25 เปอร์เซ็นต์ของผมจ่ายประกัน ไม่ว่าคุณรายได้น้อยหรือมาก คุณก็ทำประกันได้สูงต่ำตามรายได้ของคุณ

ทำให้ผมมั่นใจว่า ถ้าผมเข้าโรงพยาบาล ผมไม่ต้องเสียตังค์ สอง.ผมทำงานบริษัท ก็มีประกันบริษัทอีกอันหนึ่ง พอมีโควิดสายพันธุ์ใหม่ ผมก็ซื้อประกันโควิดเลย 599 บาทคุ้มครองแสนกว่าบาท เท่าที่ทราบโรงพยาบาลเอกชน คุณจะเสียอยู่ประมาณ 1-2 แสนบาท คุณก็ไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลที่ประกันของคุณครอบคลุมก็จะได้รับการดูแลจากโรงพยาบาลเอกชน แต่ถ้าคุณไม่มี ก็จะมีโรงพยาบารัฐบาล มีโรงพยาบาลสนาม ที่เขาเตรียมไว้รองรับ"

อยากเตือนอะไรคนที่ยังไม่ติดโควิด

"โควิดเป็นโรคที่น่ากลัว เพราะมองไม่เห็น หนึ่ง.มีระยะฟักตัวนาน ระยะนี้นำเชื้อไปติดคนอื่นได้ โดยไม่รู้ว่าเราติดเชื้อแล้ว  2 เปอร์เซ็นต์มีโอกาสเสียชีวิต คือผู้สูงอายุ เราอาจไปฆ่าคนอื่นโดยไม่เจตนา

ผมกลัวว่า ถ้าพ่อผมติด พ่อผมมีไตข้างเดียว เป็นเบาหวาน ความดัน ครบหมดทุกโรค ถ้าเขาติด มีโอกาสทรุดเร็วมาก ผมไม่อยากเป็นภาระคนอื่น โรคนี้มันเป็นโรคภาระทางใจ การที่คุณเอาเชื้อตรงนี้ไปติดคนอื่น อันตรายมาก

ผมมีเพื่อนอยู่ต่างประเทศเยอะ สิ่งที่เขาเจอมันเลวร้ายกว่าในประเทศไทยมาก บางคนอาการหนัก แต่ไม่สามารถเข้าถึงแพทย์ได้ บ้านเรายังมีโอกาสมากกว่า และนอกกรุงเทพฯเข้าถึงการตรวจได้ง่ายกว่า ไม่ต้องต่อคิวเยอะ"