สสส. จับมือ ภาคีเครือข่าย เสริมแกร่งชุมชน รับมือโควิด-19
สสส. จับมือ มูลนิธิชุมชนไท-ภาคีเครือข่าย เสริมแกร่งชุมชนเข้มแข็ง รู้สู้ภัยพิบัติในสถานการณ์โควิด-19 พัฒนาเครือข่ายอาสาสมัคร-จิตอาสาชุมชน เตรียมพร้อม 'รับมือภัยพิบัติ' สานพลังภาคีความร่วมมือภาครัฐ-ภาคประชาชน ขยายองค์ความรู้สาธารณสุขในระดับท้องถิ่น
นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ชุมชนมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในการป้องกันและรับมือ สสส. ร่วมกับ มูลนิธิชุมชนไท และภาคีเครือข่ายการจัดการภัยพิบัติ เล็งเห็นถึงความสำคัญนี้
จึงได้มีขยายองค์ความรู้ด้านการจัดการภัยพิบัติโดยชุมชน ภายใต้โครงการเสริมศักยภาพเครือข่าย ขยายความร่วมมือเพื่อจัดการภัยพิบัติอย่างบูรณาการ เพื่อพัฒนาให้เกิดกลไกการทำงานภัยพิบัติระดับจังหวัด และพัฒนาเครือข่ายอาสาสมัคร
เกิดเป็นความร่วมมือ 3 ส่วน คือ 1.ความร่วมมือของภาคีระดับจังหวัด เกิดพื้นที่ต้นแบบของความร่วมมือที่ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการ ได้แก่ เครือข่ายภัยพิบัติจังหวัดพังงา เครือข่ายภัยพิบัติจังหวัดระนอง เครือข่ายภัยพิบัติจังหวัดกระบี่ เครือข่ายภัยพิบัติจังหวัดปทุมธานี และ อยู่ระหว่างการเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมชุมชนเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติ
ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดสตูล และจังหวัดตรัง 2.ความร่วมมือของภาคีระดับอำเภอ เกิดพื้นที่ต้นแบบที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานระดับอำเภอ ได้แก่ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา 3.ความร่วมมือของภาคีระดับตำบล เกิดพื้นที่ต้นแบบจำนวน 33 ตำบล เช่น ตำบลท่าหิน จังหวัดสงขลา ตำบลบางเดื่อ จังหวัดปทุมธานี ตำบลบางวัน จังหวัดพังงา เทศบาลตำบลฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นต้น
“สสส. มูลนิธิชุมชนไท และภาคีเรือข่ายการจัดการภัยพิบัติ เข้าไปหนุนเสริมความรู้เพิ่มเติมจากทักษะการรับมือภัยพิบัติที่มีอยู่ ในการนำแผนประเมินความเสี่ยงภัยพิบัติมาปรับใช้วางแผนรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 สำหรับการประเมินสถานการณ์ไปจนถึงการวางแผนการดูแลตัวเอง ทั้งในภาวะที่ยังไม่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ และในภาวะที่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติพร้อมกับมีการระบาดของโควิด-19 เพื่อให้ชุนชนท้องถิ่นวางแผนป้องกันและรับมือ ผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปได้” นางสาวรุ่งอรุณ กล่าว
นายไมตรี จงไกรจักร ผู้จัดการมูลนิธิชุมชนไท กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2563 ได้เกิดการแพร่ระบาด โควิด-19 ทำให้ทุกเครือข่ายมีความตื่นตัวในการป้องกัน มูลนิธิชุมชนไท ร่วมกับ สสส. และเครือข่ายต่างๆ จึงได้ปรับกิจกรรมที่จะดำเนินงานภัยพิบัติที่มีอยู่แล้ว เป็นการรับมือและป้องกันการติดเชื้อของประชาชนในพื้นที่ โดยได้แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ประเภท คือ
1.กิจกรรมการสนับสนุนการทำแผนป้องกันภัยพิบัติจากโควิด-19 ในการทำหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์
2. จัดตั้งจุดคัดกรองในการเฝ้าระวังและนำหน้ากากอนามัยไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่ยังขาดแคลนและให้กับหน่วยงานรัฐที่ปฏิบัติงานป้องกันโควิด-19
3.กิจกรรมอาสาสมัครภัยพิบัติชุมชนร่วมกับหน่วยงานในท้องถิ่น ลงพื้นที่ให้ความรู้ และสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับคนในชุมชน
ซึ่งที่ผ่านมา มีการระดมความคิดพัฒนาชุมชนในการป้องกันและ รับมือกับภัยพิบัติ สนับสนุนทรัพยากร เครื่องมือ ให้สอดคล้องกับความต้องการที่จำเพาะเจาะจงในแต่ละพื้นที่ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภัยพิบัติ มาตั้งแต่ปี 2554 สร้างเสริมชุมชนเข้มแข็ง จากชุมชนประสบภัยกลายเป็นชุมชนป้องกันภัยและเครือข่ายชุมชนเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ ทำให้เกิดนวัตกรรมอาสาสมัครภัยพิบัติและพึ่งพากันเองในชุมชน ตลอดจนร่วมมือกับหน่วยงานราชการในระดับตำบล อำเภอ และจังหวัด
“ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาเห็นได้ชัดเจนว่าประชาชนในพื้นที่ อาสาสมัครภัยพิบัติชุมชน ตลอดจนหน่วยงานท้องถิ่น ได้มีความตื่นตัว และร่วมมือกัน เพื่อป้องกันไม่ให้คนในชุมชนติดเชื้อโควิด-19 และยังได้มีความร่วมมือการดำเนินงานในกิจกรรมเหล่านี้ร่วมกับท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการขยายองค์ความรู้ไปสู่ประชาชนในพื้นที่อื่นๆ อีกด้วย” นายไมตรี กล่าว