“คุรุสภา”ชู 4 นโยบายบริหารงานปี 65 เน้นพัฒนาคน –ทำงานออนไลน์

“คุรุสภา”ชู 4 นโยบายบริหารงานปี 65 เน้นพัฒนาคน –ทำงานออนไลน์

“คุรุสภา” เร่งผลัก 4นโยบายการบริหารงาน ปีงบฯ 65 เน้นพัฒนาคน ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ทำงานออนไลน์ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการปฏิบัติงานเป็นหลัก 

ดร.ดิศกุล เกษมสวัสดิ์ เลขาธิการคุรุสภา เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้เรายังพบปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ทำให้เราต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเป็น New Normal หรือต้องทำให้เป็น Now Normal ให้ได้

ดังนั้น ทางสำนักงานเลขาธิการคุรุสภามีแนวนโยบายการบริหารงานของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภาประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ที่ยังคงเน้นนโยบายสำคัญการดำเนินงาน 4 นโยบายคือ

นโยบายที่ 1 เรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลากรของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภาให้พร้อมกับการดําเนินงานภายใต้สถานการณ์    โควิด-19 และรองรับสภาวะวิกฤติฉุกเฉินอื่น ๆ ในอนาคต โดยทำงานภายใต้นโยบาย ‘คุรุสภา ONE’ หรือ One Network for Everyone      ที่บุคลากรของคุรุสภาสามารถทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา

อย่างที่ผ่านมาคุรุสภาได้ปรับลดเวลาและวันทำงานของเจ้าหน้าที่ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค มอบหมายให้บุคลากรในสังกัดปฏิบัติงาน ณ ที่พักอาศัยตามความเหมาะสมหรือ Work From Home ซึ่งผลการทำงานถือว่าดี

อ่านข่าว : เริ่มแล้ว! งานประชุมทางวิชาการออนไลน์ของ 'คุรุสภา' ปี 64

 

  • เน้นทำงานออนไลน์ตอบโจทย์New Normal

ดร.ดิศกุล  กล่าวต่อว่า ส่วนการทำงานต่อไปจะยังคงเป็นการทำงานออนไลน์ร่วมกันผ่านระบบ KSP e-Service และระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ (MIS) ที่จะทำให้การทำงานทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคเป็นหนึ่งเดียวกัน ด้วยระบบเครือข่ายอินทราเน็ตของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา (VPN) พร้อมทั้งสนับสนุนให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าถึงทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติงานมากขึ้น

ด้วยการส่งเสริมให้ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของคุรุสภาในการปฏิบัติงานทุกชนิด  อีกทั้งจะลดการประชุม onsite มุ่งเน้นการประชุม online มากขึ้น เนื่องจากสำนักงานเลขาธิการคุรุสภาจะทำงานในรูปของคณะทำงาน ซึ่งมีจำนวนมาก ถ้าประชุม online ก็จะทำให้สะดวก รวดเร็ว รวมทั้งเป็นการปรับตัวแบบองค์กรสมัยใหม่ และขณะนี้สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาได้เตรียมความพร้อมห้องประชุมต่าง ๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว สามารถประชุม online ได้ตลอดเวลา

 

  • ทุกนโยบายมุ่งการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

ดร.ดิศกุล  กล่าวต่อไปว่า  ส่วนนโยบายที่ 2 เรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพระบบ IoT (Internet of Things) ของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา มุ่งเน้นการบริหารและการบริการผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล  โดยจะจัดหาครุภัณฑ์ เพื่อรองรับการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ด้านความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ ตามมาตรฐานวิชาชีพครูผ่านระบบออนไลน์ (Online) การประชุมทางไกล การรักษาความปลอดภัย และการให้บริการด้วยระบบดิจิทัล

การจัดทำระเบียบปฏิบัติและคู่มือการบริหารและการดําเนินงานนอกที่ตั้งผ่านระบบดิจิทัลของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ตลอดจนการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์สำหรับยุคใหม่ เน้น Content online แบบมีปฏิสัมพันธ์ และจัดทำหลักสูตร Training Course ในรูปแบบ Digital และพัฒนา Content online รวมทั้งคู่มือปฏิบัติงานอิเล็กทรอนิกส์เพื่อพัฒนาบุคลากรของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา 

ส่วนนโยบายที่ 3 เรื่องการสร้างความร่วมมือระดับองค์กรและบุคคล เพื่อการใช้และสนับสนุนทรัพยากรร่วมกัน  อย่างขณะนี้สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา เร่งจัดทำแพลตฟอร์ม ระบบบริหารจัดการองค์ความรู้ เพื่อพัฒนาความลุ่มลึกทางวิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ตั้งเป้าหมายครู บุคลากรทางการศึกษาใช้พัฒนาตนเอง และต่อยอดได้ คาดว่าเร็ว ๆ นี้ ทุกคนสามารถเข้ามาค้นหาความรู้ได้  อีกทั้งจะสร้างเครือข่ายการสืบสวนและสอบสวนด้านจรรยาบรรณวิชาชีพ แสวงหาพันธมิตรความร่วมมือด้านการพัฒนาวิชาชีพ การบูรณาการความร่วมมือด้านการยกย่องเชิดชูเกียรติกับหน่วยงานต้นสังกัด แลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการพัฒนาองค์กรกับหน่วยงานตามพระราชบัญญัติเฉพาะ และสร้างความร่วมมือด้านการพัฒนาบุคลากรกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน

นโยบายที่ 4 เรื่องการเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ที่สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาจะต้องกำหนดหลักเกณฑ์การออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพที่ระบุถึงความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาเอกและระดับคุณภาพ ตามมาตรฐานวิชาชีพรายบุคคลโดยการเพิ่มกิจกรรม  การปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.สภาครูฯ และกฎหมายลำดับรองการพัฒนารูปแบบการพิจารณาคดีทางจรรยาบรรณวิชาชีพให้สะดวกรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ การปรับปรุงระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับให้บริการผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาให้เกิดความสะดวก รวดเร็วและเร่งรัดการพิจารณาคดีทางจรรยาบรรณวิชาชีพที่อยู่ระหว่างดำเนินการให้เร็วขึ้น 

"การทำงานจะมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยในการปฏิบัติงานเป็นหลัก เพื่อเพิ่มประประสิทธิภาพ และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษาทั่วประเทศ  เชื่อว่าแม้โควิดจะยังไม่หายไปเราก็สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่และดีด้วย" ดร.ดิศกุล  กล่าว