“อยุธยา” 1 ใน 50 สุดยอดจุดหมายปลายทางของโลก Forbes ชี้น่าเที่ยวเมื่อหมดโควิด
Forbes ยกให้ "พระนครศรีอยุธยา" 1 ใน 50 สุดยอดจุดหมายปลายทางของโลก และเป็น 1 ใน 8 แห่งของทวีปเอเชีย ที่ควรท่องเที่ยวหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย
เมื่อวันที่ 22 ก.ย.64 นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม(รมว.วธ.) เปิดเผยว่า นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่เว็บไซต์ forbes โดย Forbes advisor จัดอันดับแหล่งท่องเที่ยวของแต่ละประเทศที่ควรท่องเที่ยวหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) คลี่คลาย โดยยกให้ "จ.พระนครศรีอยุธยา" เป็น 1 ใน 50 สุดยอดจุดหมายปลายทางของโล กและเป็น 1 ใน 8 แห่งของทวีปเอเชีย และให้เหตุผลว่า
พระนครศรีอยุธยา คือเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกในช่วงทศวรรษ 1700 เป็นแหล่งโบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์เก่าแก่ สามารถย้อนอดีตไปถึง ปี ค.ศ. 1350 อีกทั้งมีพื้นที่กว้างขวางก่อเกิดมาจากความแตกต่างทั้งยุคสมัยและวัฒนธรรมที่หลากหลาย
ทั้งนี้ จ.พระนครศรีอยุธยา มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของศิลปวัฒนธรรม อันยิ่งใหญ่ งดงามและทรงคุณค่าและองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้มีมติเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2534 ประกาศขึ้นทะเบียนอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เป็น “เมืองมรดกโลก” ในนาม “นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา” และมีประเพณีและมรดกด้านศิลปวัฒนธรรมอันโดดเด่นงดงาม ซึ่งเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวอีกว่า จ.พระนครศรีอยุธยา มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมที่มีความโดดเด่น และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อยู่มากมาย ได้แก่
- พระราชวังบางปะอิน
- วิหารพระมงคลบพิตร
- วัดพระศรีสรรเพชญ์
- วัดหน้าพระเมรุ
- วัดไชยวัฒนาราม
- วัดพุทไธศวรรย์
- วัดพนัญเชิงวรวิหาร
- วัดใหญ่ชัยมงคล
- วัดนักบุญยอแซฟ
- หมู่บ้านโปรตุเกส
- หมู่บ้านญี่ปุ่น
- ตลาดโก้งโค้ง
แหล่งท่องเที่ยวเชิงวิถีชุมชน อาทิ
- ชุมชนคุณธรรมบ้านเกาะเรียนที่มีภูมิปัญญาด้านขนมไทยตำรับท้าวทองกีบม้า อ.พระนครศรีอยุธยา
- ชุมชนคุณธรรมบ้านสามเรือน อ.บางปะอิน เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศเห็ดตับเต่า
- ชุมชนคุณธรรมบ้านไทรน้อย อ.บางบาล เป็นชุมชนไทยมอญ และมีกิจกรรมที่เป็นเสน่ห์ชุมชน เช่น การแสดงพื้นบ้านทั้งดนตรีไทย รำไทย มวยไทยและศิลปะการต่อสู้ด้วยอาวุธไทย รวมถึงการอนุรักษ์การทำขนมไทยมงคลโบราณ 9 อย่างที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา
นอกจากนี้ ยังสามารถแวะไปชมผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT) ได้แก่ ดอกบัวทองเหลืองที่ชุมชนคุณธรรมวัดค่าย อ.บางปะหัน ปลาตะเพียนใบลานที่ชุมชนคุณธรรมบ้านภูเขาทอง อ.พระนครศรีอยุธยา และนาวาสยามทั้งเรือพื้นบ้าน เรือจากต่างประเทศและเรือพระราชพิธีจำลองที่ชุมชนคุณธรรมตำบลข้าวงาม อ.วังน้อยและไปเที่ยวชมงานยอยศยิ่งฟ้าอยุธยามรดกโลกที่จัดขึ้น ช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี ณ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
นายอิทธิพล กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกัน วธ. ร่วมกับจ.พระนครศรีอยุธยา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาคมและผู้ประกอบการด้านภาพยนตร์และวีดิทัศน์ หน่วยงานรัฐ เอกชนและชุมชนส่งเสริมการถ่ายทำละครและภาพยนตร์ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา รวมทั้งอยู่ระหว่างจัดทำ Mobile Application “เที่ยวเท่ๆ เสน่ห์เมืองไทย” ทั้งในระบบ iOS และ Android ซึ่งเป็นแอพพลิเคชันที่รวบรวมข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว และกิจกรรมการท่องเที่ยวที่โดดเด่น ร้านอาหาร สินค้าทางวัฒนธรรม และที่พัก ฯลฯในจ.พระนครศรีอยุธยา และจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายอีกด้วย