ครม.ไฟเขียว เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3-ทัวร์เที่ยวไทย เริ่มใช้สิทธิ ต.ค. 64
ครม.ไฟเขียว "เราเที่ยวด้วยกัน เฟส3" พร้อมมาตรการ "ทัวร์เที่ยวไทย" เริ่มใช้สิทธิ ต.ค. 64 หลัง ครม. เห็นชอบปรับปรุงรายละเอียดขยายระยะเวลาโครงการถึง 28 ก.พ. 65 พร้อมปรับหลักเกณฑ์ “ทัวร์เที่ยวไทย” ให้สามารถเดินทางได้ทุกวัน และเพิ่มแพ็กเกจนำเที่ยวเป็น 30 รายการ
เมื่อวันที่ 21 ก.ย.64 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปรับปรุงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของ “โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3” และ “โครงการทัวร์เที่ยวไทย” โดยเปลี่ยนแปลงระยะเวลาสิ้นสุดการดำเนินโครงการฯ ทั้ง 2 โครงการ เป็นวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 และกำหนดให้ประชาชนใช้สิทธิ์ได้ไม่เกินวันที่ 31 มกราคม 2565 พร้อมให้ ททท. เร่งรัดการเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน รายละเอียด ดังนี้
1. “โครงการทัวร์เที่ยวไทย” ปรับ 2 หลักเกณฑ์ ได้แก่
- เปลี่ยนแปลงการเดินทางท่องเที่ยวข้ามจังหวัด สามารถเดินทางได้ทุกวัน จากเดิมเดินทางได้เฉพาะวันอาทิตย์ – พฤหัสบดี
- เพิ่มรายการนำเที่ยว เป็น 30 รายการต่อบริษัท จากเดิม 15 รายการต่อบริษัท โดย ททท. ได้เตรียมความพร้อมสำหรับแพลตฟอร์มการลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว
2. “โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3”
ขณะนี้ได้เตรียมเปิดลงทะเบียนสำหรับผู้ประกอบการที่จะสมัครเข้าร่วม โครงการตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน – 1 ตุลาคม 2564 ทั้งนี้ คาดการณ์ ว่าจะสามารถเริ่มดำเนินโครงการ และให้ประชาชนใช้สิทธิท่องเที่ยวในเดือนตุลาคม นี้
ในส่วนของรายละเอียดโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3" คือ รัฐสนับสนุนค่าโรงแรม 40% (ไม่เกิน 3,000 บาท/ ห้อง/คืน) สนับสนุนคูปองอาหาร 600 บาทต่อคืน และสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบิน 40% (ไม่เกิน 2,000 บาท หรือ 3,000 บาท โดยดูตามเงื่อนไขของแต่ละจังหวัด) ส่วนโครงการทัวร์เที่ยวไทย นั้น รัฐสมทบเงินให้ 40% ของราคาแพ็กเกจท่องเที่ยว หรือไม่เกิน 5,000 บาทต่อคน
นายธนกร กล่าวอีกว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีแนวโน้มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในแต่ละวันลดลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการปรับปรุงรายละเอียดของทั้ง 2 โครงการจะสามารถส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศได้ จึงขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการที่พัก/โรงแรม/ ร้านค้า ร้านอาหารต่าง ๆ ปฏิบัติตามข้อกำหนดและมาตรการต่าง ๆ ของ ศบค. และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการควบคุม ป้องกันโรค ควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย
อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีความรุนแรงในช่วงระหว่างดำเนินโครงการ ททท. ก็สามารถขอยุติดำเนินโครงการฯ ได้ ทั้ง 2 โครงการ