"เปิดประเทศ" 1 พ.ย. ความเสี่ยงที่ต้องยอม
1 พ.ย. เตรียม "เปิดประเทศ" ที่เปิดพร้อมกับการเดินทางเข้าประเทศของแรงงานต่างชาติ กลุ่มหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย การฉีดวัคซีนที่ล่าช้า การแพร่ระบาดที่ยังรุนแรง เป็นเดิมพันครั้งใหญ่ที่ต้องจับตาว่าจะขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าได้หรือไม่ ?
ยิ่งใกล้วัน "เปิดประเทศ" 1 พ.ย. เข้ามาเท่าไหร่ "รัฐบาล" ยิ่งต้องสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคเอกชน ผู้ประกอบการทุกขนาด ประชาชนที่ต้องใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังมากขึ้นว่า รัฐบาลจะสามารถรับมือการแพร่ระบาดที่อาจเกิดขึ้นอีกได้ดีแค่ไหน
ความเสี่ยงที่เราต้อง "ยอม" ครั้งนี้ เป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ ที่อาจแลกมาด้วยเสียงชื่นชมปูทางไปสู่การเดินหน้าพลิกฟื้น "ขับเคลื่อนประเทศ" ได้อย่างจริงจัง หรืออาจจะแลกมาด้วยตัวเลขการติดเชื้อที่พุ่งทวีคูณ จนต้องปิดประเทศอีกครั้ง ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับมาตรการที่เข้มแข็ง เฉียบคม รับมือได้อย่างมืออาชีพของรัฐบาล
อ่านข่าว : "นายกฯ"สั่งบูรณาการรับ"เปิดประเทศ" ต้องรอบคอบ รัดกุม อยู่กับ "โควิด" ให้ได้
หากถามไปยังภาคเอกชน ผู้ประกอบการ รวมถึงประชาชน ล้วนต้องการให้ประเทศหายไข้จากโควิด เดินหน้าเศรษฐกิจให้ได้อย่างรวดเร็ว การใช้ชีวิตในรูปแบบปกติใหม่จะได้เริ่มต้นขึ้นอย่างไม่ต้องระวังหลังมากนัก
วันนี้ปริมาณการฉีดวัคซีนในประเทศ รัฐบาลยังต้องเร่งสปีดให้เร็วขึ้น แม้เราจะพูดกันถึงเข็ม 2 เข็ม 3 หรือ เข็ม 4 กันแล้ว แต่ยังมีบางพื้นที่ในประเทศที่หาเข็มที่ 1 ยังยาก รัฐต้องเร่ง "กระจายวัคซีน" ให้ทั่วถึงครอบคลุมทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียม ยิ่งฉีดวัคซีนได้เร็วครอบคลุมมากเท่าไหร่ ยิ่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้เร็วขึ้น
ประเด็นการรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ เป็นเรื่องสำคัญมากที่รัฐบาลต้องวางมาตรการให้ดี รอบคอบ เงื่อนไขการเดินทางเข้าไทยของนักท่องเที่ยวแบบไม่กักตัว ตามที่รัฐกำหนดทั้งเรื่องการแสดง "ผลตรวจโควิด" การได้รับวัคซีนที่ครบโดส มีที่พำนักในไทยชัดเจน เรื่องเหล่านี้เมื่อถึงเวลา รัฐและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องตรวจสอบให้ดี อย่าให้เกิดช่องโหว่หลุดรอดออกมาสร้างความเสี่ยงที่ยากจะแก้ไข
สิ่งหนึ่งที่ยังน่ากังวลและต้องเร่งควบคุม คือ การเดินทางเข้าประเทศของแรงงานต่างชาติ หรือกลุ่มที่หลบหนีเข้าเมืองมาอย่างผิดกฎหมาย หน่วยงานดูแลเรื่องนี้ ต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ อย่าลืมว่านี่คือหนึ่งในต้นตอของการแพร่ระบาดโควิดที่เราเคยเผชิญกันมาแล้ว เราคงไม่ปล่อยให้บทเรียนครั้งนั้นตามมาหลอกหลอนสร้างรอยแผลให้เกิดขึ้นซ้ำอีก
ที่สำคัญอย่าหลงชะล่าใจว่ามีของดีอย่าง "วัคซีน" หรือยารักษา รวมถึงชุดตรวจป้องกันแล้ว จะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ หรือจะอนุโลม ผ่อนปรนมาตรการเพื่อเห็นแก่พวกพ้อง กลุ่มคนบางกลุ่มอย่างไรก็ได้ เราเห็นบทเรียนประเทศเพื่อนบ้านแล้ว แม้จะฉีดวัคซีนครอบคลุมมากกว่า 80%
แต่สุดท้ายตัวเลขผู้ติดเชื้อกลับมาพุ่งสูงขึ้นในระหว่างการผ่อนมาตรการต่างๆ จนต้องย้อนไปทบทวนมาตรการคุมเข้มใหม่ในทุกสัปดาห์ ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. นี้ มหกรรมเปิดประเทศไทยอย่างเป็นทางการ จะเป็นการวัดใจคนไทยทั้งประเทศ ผู้ประกอบการทุกกลุ่ม และรัฐบาลว่าจะฝ่าด่านความเสี่ยงนี้ ปลุกให้ประเทศกลับมามีชีวิตชีวาขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้หรือไม่...