เปิดเทอม! 1 พ.ย.นี้ "โรงเรียน" ตั้งรับยังไง? สธ.ยืนยันพบเด็กติดโควิดแน่
ตลอดระยะเวลา 18 เดือน ที่เหล่านักเรียนไทยจะต้องเรียนออนไลน์ แทนการเรียนออนไซต์ในห้องเรียน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งในวันที่ 1 พ.ย.2564 นี้ จะเป็นครั้งแรกที่โรงเรียนสามารถเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 ในระบบออนแอร์
วันนี้ (28 ต.ค.2564) กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ได้แถลงข่าวเตรียมพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 พร้อมย้ำ 6 มาตรการหลัก 6 มาตรการเสริม และ 7 มาตรการเข้ม ซึ่งมีโรงเรียนที่พร้อมจะเปิดแบบออนไซต์ 100% ส่วนใหญ่กว่า 10,000 โรงเรียน มีบางแห่งขอใช้รูปแบบผสมผสาน และมีบางพื้นที่ที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดยังไม่ให้เปิดแบบออนไซต์ ในวันที่ 1พ.ย.นี้ แต่ให้เลื่อนไปเปิดวันที่ 15 พ.ย.2564 แทน อย่างไรก็ตามจะปิดเทอม 2/2564 พร้อมกันในวันที่ 1 เม.ย.2565
สำหรับสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ทั้งของรัฐและเอกชน ทั้งสิ้น 869 แห่ง ตอบแบบสอบถามมา 832 แห่ง พบว่า ส่วนใหญ่ 531 แห่ง ขอใช้รูปแบบผสมผสานคือมีทั้ง On-site และ On-line รองลงมา 192 แห่ง ขอใช้รวมรูปแบบ On-line 100 % และจำนวน 109 แห่งขอใช้ On-site 100%
- เช็คทามไลน์ก่อน หลังเปิดเทอมพ.ย.นี้
นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่าในการเปิดโรงเรียนนั้นส่วนใหญ่จะเป็นการเปิดในพื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือพื้นที่สีส้ม ส่วนพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่สีแดง จะต้องได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดถึงจะสามารถเปิดการเรียนการสอนแบบออนไซต์ได้ ทั้งนี้ ส่วนทามไลน์ การเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 นั้น
ก่อน 1 พ.ย.2564
- ครูและบุคลากรได้รับวัคซีนครบโดส 85% ขึ้นไป
- สถานศึกษาต้องผ่านการประเมิน Thai stop covid Plus (TSC+)
- สถานศึกษาผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม.
หลังจากเปิดเทอม 1-15 พ.ย.2564
- เปิดภาคเรียนที่ 2/2564 ครูและบุคลากร นักเรียนนักศึกษาประเมิน TST รายบุคคล
- ครู บุคลากร นักเรียน และนักเรียน ปฎิบัติตามปฎิบัติ 6 มาตรการหลัก (DMHT-RC) 6 มาตรการเสริม (SSET-CQ) และ7 มาตรการเข้ม(ไป-กลับ)
- สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนแบบออนไซต์ ออนไลน์ หรือ ไฮบริด
- สถานศึกษาสุ่มตรวจ ATK เป็นระยะๆ และ สถานศึกษารายงาน MOE COVIC
- ฉีดวัคซีนเด็กแล้ว 2.5 ล้านคน
ทั้งนี้ สำหรับภาพรวมนักเรียนอายุ 12-18 ปี ที่ฉีดวัคซีนรายภาค ข้อมูล วันที่ 27 ต.ค.2564 โดยมีนักเรียนที่ประสงค์ฉีดวัคซีน 3,817,727 คน ฉีดวัคซีนแล้ว 2,544,267 คน คิด เป็น66.64% แบ่งเป็น ภาคใต้ ฉีดแล้ว 390,542 คน คิดเป็น 63.89% ภาคเหนือ 209,075 คน คิดเป็น 59.08% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 779,671 คน คิดเป็น 66.77% ภาคตะวันออก 164,937 คน คิดเป็น 52.87% ภาคตะวันตก 139,029 คน คิดเป็น 71.43% และภาคกลาง 861,013 คน คิดเป็น 72.62%
ขณะที่ในส่วนของครูและบุคลากรทางการศึกษา พบว่าขณะนี้มีการฉีดวัคซีนให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา เข็มที่ 1จำนวน 782,010 ราย แบ่งเป็น สังกัดสพฐ. 313,501 ราย สอศ. 234,206 ราย สช.149,138 ราย กศน.65,569 ราย ก.ค.ศ.266 ราย สกศ.251 ราย และสป. 19,079 ราย และฉีดเข็มที่ 2 จำนวน 522,133 ราย แบ่งเป็น สังกัด สพฐ.203,172 ราย สอศ.181,061 ราย สช. 81,558 ราย กศน.38,668 ราย ก.ค.ศ.234 ราย สกศ.129 ราย และสป.17,311 ราย ขณะที่ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ยังไม่ได้รับวัคซีนมีจำนวน 112,377
- เปิดเรียนมีเด็กติดเชื้อเกิดขึ้นแน่
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เมื่อมีการเปิดเรียนในรูปแบบปกติแล้วยังไงก็ตามมีการติดเชื้อเกิดขึ้นแน่นอน แต่จะไม่มีการระบาดเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ เพราะที่ผ่านมาการระดบาดใหญ่เกิดจากบ่อนการพนัน สถานบันเทิง และโรงงานขนาดใหญ่เท่านั้น ซึ่งเป็นการเคลื่อนย้ายของผู้คน
แต่เมื่อเด็กติดเชื้อจะอยู่ในชุมชนตัวเอง และเด็กที่ฉีดวัคซีนมีโอกาสติดโควิดได้แต่อาการจะไม่รุนแรงเท่าผู้ใหญ่ เนื่องจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาพบข้อมูลของการแพร่ระบาดเชื้อโควิดไม่เคยเกิดการรุนแรงจากกลุ่มนักเรียน ทั้งนี้ไม่อยากให้นับว่าจะมีโรงเรียนกี่แหงที่ติดเชื้อโควิด เพราะเราสามารถควบคุมดูแลไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดได้ โดยต้องสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้ปกครองว่าเมื่อบุตรหลานติดเชื้อมีอาการไข้จะต้องหยุดเรียนทันที
- คู่มือแนวปฎิบัติคุมเข้มจ.นำร่องเปิดประเทศ
ด้านนายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า สำหรับการเปิดเมืองใน 17 จังหวัด ซึ่งจะรับนักท่องเที่ยวเปิดประเทศ สพฐ.ได้เตรียมแผนเผชิญเหตุในสถานศึกษาที่อยู่ในกลุ่มจังหวัดดังกล่าวไว้หมดแล้ว โดยเราจะนำรูปแบบของภูเก็ต Sand Box มาเป็นแนวทางการในการดำเนินการหากมีการระบาดหรือเกิดคลัสเตอร์ในสถานศึกษา
นอกจากนี้ สพฐ.ยังได้จัดทำคู่มือแนวทางการเตรียมเปิดภาคเรียนที่ 2 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แจกให้สถานศึกษาทั่วประเทศใช้เป็นแนวทางปฎิบัติแล้ว