3ฉากทัศน์โควิด-19 หลังเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้
สธ.คาดฉากทัศน์โควิด-19ระบาดหลังเปิดประเทศ1 พ.ย.นี้ ทาง 3 แพร่ง รุนแรงสุดโอกาสติดเชื้อกลับมาถึงวันละ1หมื่นราย ส่วนดีที่สุดติดใหม่ลดลง แตะ 5,000 รายต่อวันจากเข้ม 4 มาตรการหลัก ย้ำจำนวนติดเชื้อไม่ใช่ตัวเดียวงชี้วัดความรุนแรงสถานการณ์ ต้องดูศักยภาพรองรับระบบสาธารณสุข
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 28 ต.ค.2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข ในการแถลงสถานการณ์โควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวว่า ประเทศไทยผ่านการระบาดที่มีคนติดโควิด-19จำนวนมากมาแล้ว กำลังเข้าสู่การเปิดประเทศ ซึ่งการฉีดวัคซีนเป็นมาตรการหลัก แต่ไม่ใช่มาตรการเดียว จำเป็นต้องใช้มาตรการเสริมเพิ่มเติมจึงจะสำเร็จ
โดยภาพรวมฉีด 72 ล้านโดส เข็ม 1 ฉีด 41 ล้านโดส คิดเป็น 57 % เข็ม 2 จำนวน 29 ล้านโดส คิดเป็น 40.9% ขณะที่เข็ม 3 ฉีดแล้ว 2.2 ล้านคน คิดเป็น 3% ทั้งนี้ การฉีดวัดซีนของไทยเป็นอันดับ 3 ของอาเซียนรองจากอินโดนีเซียซึ่งฉีดไป 185 ล้านโดส และเวียดนามฉีดไป 74 ล้านโดส แต่เปอร์เซ็นต์การครอบคลุมประชากรอยู่ที่ 54.4% น้อยกว่าประเทศไทย ที่ความครอบคลุมอยู่ที่ 61.5% ทั้งนี้เพราะเวียดนามมีประชากรมากกว่าไทย
ส่วนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 17 จังหวัด ด้านสาธารณสุข ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) จัดทำแผนเสนอมาที่กระทรวง ดูความพร้อมแผนรองรับ และติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ และทำงานร่วมกับกระทวง หน่วยงานต่างๆ ด้วย ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด-19ภาพรวม 66% เข็ม 1 คิดเป็น 77.7% เข็ม 2 คิดเป็น 56.5% โดย กทม.ฉีดเข็ม 1 จำนวน 8.3 ล้านโดส เกินเป้าหมาย 7.9 ล้านคน จังหวัดที่มีอัตราการฉีดสูงอื่นๆ คือภูเก็ต และชลบุรี ฉีดวัคซีนครอบคลุม 80%
ส่วนจังหวัดอื่นๆ ตัวเลขลดหลั่นกัน ขณะที่จังหวัดจับตามอง 10 จังหวัด คือ ตาก ราชบุรี จันทบุรี ระยอง นครราชมีมา นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา เพราะมีคลัสเตอร์ และแนวโน้มเชิดหัวขึ้น เน้นส่งวัคซีนไปฉีดเพิ่มเติม ภาพรวมการฉีดเข็ม 1 จำนวน 5.5 ล้านโดส คิดเป็น 50.6%
ขณะที่สถานการณ์การระบาดของโควิด-19ในภาพรวม ขณะนี้ยังมีการติดเชื้อต่อเนื่อง แต่อัตราปอดอักเสบลดลงเรื่อยๆ ในรอบ 2-3 สัปดาห์ ส่วนผู้เสียชีวิตต่ำกว่า 100 รายมาระยะหนึ่ง แต่ยังแกว่งตัว บางวันสูงขึ้น
การคาดการณ์ ฉากทัศน์สถานการณ์โควิด-19 ซึ่งก่อนหน้านี้ผ่านจุดทางแยกมา ซึ่งกังวลว่าจะมีการจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้น แต่ด้วยความร่วมมือร่วมใจของประชาชนทุกคนในมาตรการต่างๆ แม้ว่ามีบางจุด บางคลัสเตอร์เห็นความไม่ได้เคร่งครัดในมาตรการอยู่บ้าง แต่ภาพรวมทำได้ดี ทำให้การป่วยรายใหม่น่าพอใจ
จุดสำคัญ คือ มีการคาดการณ์ฉากทัศน์ใหม่ออกมาหากเปิดประเทศแล้ว เป็น 3 ทาง ได้แก่
1.สีเขียว ถ้าติดเชื้อ 1 คนโอกาสแพร่ต่อไปอีกคนลดลงได้ 25% เทียบกับก่อนล็อกดาวน์ แนวโน้มก็จะมีการติดเชื้อลดลงเรื่อย จนถึงราว 5,000 รายต่อวัน ซึ่งตรงนี้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกับ 4 มาตรการหลักอย่างเข้มข้น คือป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด มาตรการCOVID-Free Area, COVID-Free Zone, COVID-Free Settingตรวจคัดกรงด้วย ATK เฝ้าระวังกลุ่มต่างด้าว และฉีดวัคซีนโควิด-19ได้ตามเป้าหมายเดือนต.ค.-ธ.ค2564
2.สีส้ม ถ้าติดเชื้อ 1 คนโอกาสแพร่ต่อไปอีกคนลดลงได้ 15% เทียบกับก่อนล็อกดาวน์ ซึ่งจะเป็นผลจากการลงมาตรการปิดสถานที่เสี่ยงมาก งดดื่มสุราในร้านอาหาร จำกัดการรวมกลุ่ม ทำให้มีประสิทธิภาพการป้องกันการระบาดลดลงบ้าง ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยงได้ตามเป้าหมายเดือนต.ค.-ธ.ค.2564
3.สีเทา ถ้าทำไม่สำเร็จปล่อยให้อัตราการแพร่กระจายสูงเหมือนก่อนล็อกดาวน์ หากผ่อนคลายมาตรการทั้งหมด และการฉีดวัคซีนโควิด-19น้อยกว่าเป้าหมายช่วงเดือนต.ค.-ธ.ค.2564 ผู้ติดเชื้อก็อาจจะกลับมาถึงวันละ 1 หมื่นราย
“จำนวนการติดเชื้อไม่ใช่ตัวชี้วัดความรุนแรงของสถานการณ์เพียงอย่างเดียว ต้องดูระบบสาธารณสุขว่าพร้อมรองรับหรือไม่ คนยังสามารถเข้ารับบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้อย่างเพียงพอด้วย” นพ.เฉวตสรร กล่าว