"อนุทิน"สั่งสาวหาคนลักลอบนำเข้า-ฉีด“วัคซีนโควิด-19เถื่อน”

เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ที่โรงแรมแกรนด์ริชมอนด์ จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ที่พบการฉีดโดยคลินิกเอกชนแห่งหนึ่ง ใน จ.สระแก้ว ทั้งที่วัคซีนโควิด-19ชนิดนี้ยังไม่มีการนำเข้ามาในประเทศไทยว่า ได้คุยกับผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วแล้ว ได้สั่งการไปแล้วให้ตรวจสอบตามกระบวนการ เพราะกรณีเช่นนี้เป็นความผิด วัคซีนเอาเข้ามาโดยใครคนใดคนหนึ่งแล้วถือเข้าไปในร้าน คลินิกหรือที่ไหน ให้ฉีดสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้ไม่ได้ วัคซีนต้องมาด้วยระบบลูกโซ่ความเย็น ต้องมีระบบจัดเก็บที่ดี ต้องรู้ที่มาที่ไป ผลิตเมื่อไหร่ เก็บกี่วัน เดินทางมายังไง ไม่ใช่ถือขวดเข้ามาแล้วให้คนฉีดให้ แล้วอ้างว่าวัคซีนนี้ขึ้นทะเบียนแล้ว

        ซึ่งวัคซีนนี้ขึ้นทะเบียให้ใช้ในภาวะฉุกเฉิน ผู้ที่นำเข้าจะต้องเป็นผู้ที่เป็นผู้ยื่นขอขึ้นทะเบียนเท่านั้น ถ้าไม่มีการอนุญาตอื่นๆ ใดเพิ่มเติม เพราะฉะนั้นคนถือเข้ามาก็ผิดอยู่แล้ว คนฉีดก็ผิด แต่ว่าผิดอย่างไร มาตราไหน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.)สระแก้วต้องดำเนินการตามขั้นตอน อย่างไรก็ตาม  เรื่องนี้ไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อระบบการฉีดวัคซีนในประเทศหรือผลกระทบอะไรกับความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน  

     “เรื่องนี้ๆ เป็นการทำผิดที่ไม่ได้ผิดในระบบสาธารณสุข ไม่ได้ผิดในระบบราชการ เป็นการจงใจหลีกเลี่ยงมีการจงใจทำผิดกฎหมาย  ไม่ว่าเป็นวัคซีนจริงหรือปลอมก็ผิด   และคิดว่าเป็นวัคซีนที่ไม่ปลอดภัยแน่นอน เพราะมาจากไหนไม่รู้  และวัคซีนโควิด-19แต่ละยี่ห้อก็ต้องเก็บในอุณหภูมิที่กำหนดเพื่อไม่ให้วัคซีนเสื่อมคุณภาพ  ซึ่งการนำวัคซีนหิ้วเข้ามาเองก็ไม่รู้ว่าถือมากี่ชั่วโมงแล้ว เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำอยู่แล้ว ขอให้ใช้วัคซีนที่รัฐบาลจัดให้ดีที่สุด”นายอนุทินกล่าว

     ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภาระบุว่าเหตุการณ์นี้ สะท้อนประชาชนในพื้นที่มีความต้องการวัคซีนคุณภาพสูงและพยายามหาด้วยตนเอง ในสิ่งที่ กระบวนการปกติของรัฐยังจัดหามาตอบโจทย์ให้ไม่ได้  นายอนุทิน กล่าวว่า  ไม่จริง รัฐบาลยืนยันตลอดว่ามีวัคซีนเพียงพอ พร้อมฉีดให้กับทุกคน และแสดงให้เห็นแล้วว่าสามารถฉีดให้กับทุกคนได้ หลายๆจังหวัดฉีดได้ปริมาณมาก  และเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ เป็นวัคซีนที่มีมาตรฐานมีความปลอดภัย

   “ผมไม่เชื่อว่าท่านเลขาธิการแพทยสภา คุณหมออิทธพรจะพูดคำนี้ เวลาท่านเจอผมท่านไม่ได้พูดคำนี้ ท่านได้แต่ชื่นชมระบบ ผมเพิ่งจะเจอท่านเมื่อวันเสาร์นี้เอง  ท่านยังชื่นชม ให้กำลังใจ ท่านชมตลอด ไม่เคยตำหนิงานของกระทรวงสาธารณสุขเลย”นายอนุทินกล่าว 

        เมื่อถามต่อว่าการฉีดวัคซีนใน จ.สระแก้วได้น้อย สธ.จะต้องลงไปดูแลเป็นพิเศษหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้การฉีดวัคซีนมีความสม่ำเสมอ จัดส่งทั่วประเทศ เพียงแต่จังหวัดที่มีการระบาดสูง เราก็เร่งควบคุมการระบาด ไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชัง แต่จังหวัดที่ฉีดวัคซีนอัตราไม่สูงเท่าจังหวัดที่มีปัญหา ก็จะได้รับวัคซีนตามแผนของกรมควบคุมโรค ยืนยันว่า วัคซีนที่จัดส่งไปใน จ.สระแก้ว มีความเพียงพอแน่นอน ส่วนจังหวัดอื่น ๆ บางจังหวัดก็พบรายงานว่ายังมีสต็อกวัคซีนอยู่ ซึ่งต้องให้ อสม. ช่วยรณรงค์ฉีด ใช้การเชิงด้วยรถโมบายเข้าไปในชุมชนเลย

       ด้าน นพ.ประภาส ผูกดวง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า หลังเจ้าพนักงานลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลที่คลินิกเอกชนดังกล่าวเมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา ประการแรกพบว่า 1. มีการทำผิดมาตรฐานคลินิกบางประเด็นเช่น การไม่ลงเวชระเบียน และการให้เจ้าหน้าที่อื่น ฉีดวัคซีนแทน ดังนั้น จึงได้มีคำสั่งปิดคลินิกดังกล่าว เป็นเวลา 7 วัน 2. อาจจะมีความผิดกฎหมายหลายฉบับ อาทิ พ.ร.บ.ยา และพ.ร.บ.สถานพยาบาล ทั้งนี้ต้องมีการตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป คาดว่าใช้เวลา 15 วัน เบื้องต้นพบเป็นแพทย์ใกล้เกษียณยังให้การปฏิเสธ ส่วนผู้ที่มาฉีดนั้นตอนนี้ยังไม่ทราบว่ามีจำนวนเท่าไหร่ แต่เท่าที่ทราบจากกรณีมีคนโพสต์ในโซเชียลมีเดียประมาณ 4 คน ทั้งนี้เป็นเรื่องยากในการตรวจสอบ หากไม่มีคนเข้ามาแจ้ง  และจ.สระแก้วไม่ได้เปิดให้คลินิกเอกชนเป็นจุดฉีดวัคซีนโควิด-19

         เมื่อถามว่าวัคซีนจอห์นสันฯ ไม่ใช่วัคซีนที่มีการนำเข้ามาอย่างถูกต้อง และไม่รู้ที่มาที่ไป ดังนั้นคนที่ฉีดวัคซีนดังกล่าวจะไม่ถือว่าเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว หรือไม่ นพ.ประภาส กล่าวว่า เนื่องจากวัคซีนจอห์นสันฯ ไม่ใช้วัคซีนที่มีการนำเข้ามาอย่างถูกต้องจึงไม่ถือว่าเป็นผู้รับวัคซีนแล้ว ขณะนี้จึงมอบให้มีการสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชนให้เข้ารับวัคซีนที่จัดหาจัดฉีดโดยหน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตถูกต้อง เพื่อความปลอดภัย

      ถามถึงจำเป็นต้องตรวจภูมิคุ้มกันคนที่ฉีดวัคซีนจอห์นสันฯ กลุ่มนี้หรือไม่ นพ.ประภาส กล่าวว่า ตามปกติ ไม่จำเป็นต้องตรวจภูมิคุ้มกันคนฉีดวัคซีน ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าการตรวจ เพื่อให้รู้ว่าที่ฉีดไปนั้นเป็นวัคซีนจริงหรือปลอม นพ.ประภาส กล่าวว่า กรณีนี้หากมีความจำเป็นก็ต้องตรวจ ขอพิจารณาอีกครั้ง