ศบค. เผย "เปิดประเทศ" 22 วัน พบนักท่องเที่ยว โรงแรม ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ

วันนี้ (22 พ.ย. 64) ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. กล่าวถึง "สถานการณ์โควิด-19" รายละเอียดการติดเชื้อทั่วโลก โดยกลุ่มประเทศยุโรปกำลังเป็นที่จับตา องค์การอนามัยโลก เน้นย้ำตัวเลขของการติดเชื้อ ประเทศสหราชอาณาจักร พุ่งสูง 4 หมื่นกว่าราย เยอรมนี 3.6 หมื่นราย และสหรัฐอเมริกาก็ยังมีทิศทางที่สูง แม้ว่าประเทศเหล่านี้จะมีการฉีดวัคซีนครอบคลุมค่อนข้างสูง ขณะที่เอเชีย มีการรายงานติดเชื้อต่อเนื่อง ได้แก่ มาเลเซีย ทิศทางลดลงราว 4,800 ราย ญี่ปุ่นราว 18,000 ราย เวียดนาม 20,000 กว่าราย เมียนมาร์ 19,000 กว่าราย สิงคโปร์ 600 กว่าราย 

 

องค์การอนามัยโลก สรุปให้เห็นว่า การที่มีการติดเชื้อตอนนี้พื้นที่สีเหลือง สหรัฐอเมริกา ค่อนข้างสูง ขณะที่ยุโรปก็มีการติดเชื้อขยายตามมา ซึ่งในกลุ่มแถบยุโรปตะวันออก จะมีปัญหาประชากรยังฉีดวัคซีนไม่ครอบคลุม ทำให้นอกจากติดเชื้อสูง ทำให้มีอัตราการตายสูง ป่วยหนักสูง ขณะที่ ประเทศทางยุโรปตะวันตก แม้จะฉีดวัคซีนได้อย่างครอบคลุม แต่ก็ยังลดอัตราการติดเชื้อไม่ได้ ทำให้ตอนนี้นโยบายหลายประเทศเรียกว่าแข็งกร้าวมากขึ้น เช่น บางประเทศ ประกาศว่าคนที่ไม่ฉีดวัคซีนจะไม่สามารถใช้บริการสถานที่สาธารณะต่างๆ รวมถึง ขนส่งสาธารณะ ดังนั้น เมื่อมีการเข้มงวดมาตรการมากขึ้น ปิดสถานที่ บางประเทศ มีการปิดเมืองทำให้มีการประท้วงหลายพื้นที่ทางยุโรปเช่นกัน

 

"ประเทศไทยต้องติดตามสถานการณ์ ยุโรป อเมริกา อย่างใกล้ชิด เพราะนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ที่มาประเทศไทย จะเป็นนักท่องเที่ยวที่มาจากอเมริกา และยุโรป" พญ.อภิสมัย กล่าว 

 

• เปิดประเทศ นักท่องเที่ยว ติดเชื้อ 0.13%

 

ในส่วนของ นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไปประเทศไทย ตั้งแต่ 1 – 21 พ.ย. 64 รวม 85,608 ราย เข้ามาทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ หัวหิน ภูเก็ต และสมุย โดยในจำนวนนี้ติดเชื้อ 112 ราย คิดเป็น 0.13%

 

ตรงนี้สะท้อนให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวเหล่านี้ ต้องตรวจ RT-PCR ก่อนขึ้นเครื่อง 72 ชั่วโมง แต่จำนวนดังกล่าวเป็นการตรวจพบที่บ้านเรา หมายความว่า ตอนที่เขาตรวจ เชื้ออาจจะยังไม่มากพอ ทำให้ตรวจไม่พบ มาตรวจพบที่บ้านเรา ถึงแม้ตัวเลขไม่เยอะ 112 ราย แต่มีความสำคัญ ตรงนี้ ต้องเน้นย้ำไปที่ผู้ประกอบการ พี่น้องประชาชน ช่วยกันเป็นหูเป็นตา มาตรการเหล่านี้อาจทำให้มีความขัดข้อง ไม่สะดวก แต่มีความจำเป็น

 

 

 

• นักท่องเที่ยว ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ

 

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมวันนี้มีจังหวัดนำร่องท่องเที่ยว ที่เข้าร่วมประชุม ศบค. ชุดเล็ก รายงานข้อขัดข้องการเปิดประเทศที่ผ่านมา ได้แก่ นักท่องเที่ยวบางรายไม่ปฏิบัติตาม มาตรการทางสาธารณสุขของไทย ที่มีรายงานวันนี้ คือ นักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เข้าร่วมการประชุมธุรกิจ เข้าทางโครงการแซนด์บ็อกซ์ หลักๆ คือ ปฏิเสธการสวมหน้ากากอนามัย ไม่ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข เช่น การรวมกลุ่ม  สังสรรค์รับประทานอาหารร่วมกัน นำไปสู่การติดเชื้อ และคงต้องขอบคุณไปที่โรงแรม สถานประกอบการ โดยเฉพาะ SHA Manager โดย ทางโรงแรม ได้รายงานเข้ามาที่ ศบค. 

และเบื้องต้น บุคลากร เจ้าของ พนักงาน ช่วยเป็นตัวแทนประเทศไทย ในการสังเกต ความผิดปกติ การไม่ปฏิบัติตามมาตรการ มีการตักเตือนเบื้องต้นแล้ว และขอความร่วมมือนักท่องเที่ยว ทั้งนี้ ภายใต้พ.ร.บ.โรคติดต่อ ของประเทศไทย การไม่สวมหน้ากากผ้า หน้ากากอนามัย ในที่สาธารณะ รวมถึงการรวมกลุ่มทำกิจกรรมร่วมกัน ถือได้ว่าเป็นความผิด มีโทษปรับสูงสุด 20,000 บาท ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อย ต้องเรียนย้ำว่า SHA Manager ไม่ต้องกลัว นักท่องเที่ยวจำเป็นต้องร่วมมือ หากไม่ร่วมมือ มีความผิดสามารถดำเนินคดีไปตามความผิด 

 

 

• ปัญหาโรงแรมเอาเปรียบนักท่องเที่ยว 

 

ขณะที่โรงแรม สถานประกอบการจำนวนมากให้ความร่วมมือภายใต้มาตรการ สาธารณสุขอย่างแข็งขัน และอีกมุมหนึ่ง ที่มีโรงแรมเอาเปรียบนักท่องเที่ยว เข้าเกณฑ์หลอกลวง แม้จะเป็นส่วนน้อย โดยก่อนที่นักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย จะต้องผ่านเงื่อนไข Thailand Pass ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ตรวจ PCR ก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมง มีการซื้อประกันสุขภาพ 50,000 USD และสิ่งสำคัญ ในกรณี Test & Go เมื่อมาถึงจะต้องมีรถรับส่งจากสนามบิน ตรงไปโรงแรมที่พัก ไม่ให้มีการแวะพักที่อื่น และเข้าพักโรงแรมมาตรฐาน SHA+ รวมทั้งมีการตรวจ RT-PCR ทันที โดยโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการ

 

 

ที่ผ่านมา มีการรายงานย้ำมาโดยตลอด ซึ่งต้องเรียนว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่มีรายงานในวันนี้ ว่ามีนักท่องเที่ยวจำนวนน้อย ที่จองโรงแรมผ่านเวบไซต์ หรือแอพพลิเคชั่น เป็นการจองเฉพาะห้องพัก ไม่รวมแพ็คเกจรถรับส่งสนามบิน ไม่มีการซื้อการตรวจ RT-PCR และ ATK ซึ่งที่ผ่านมาทาง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงการต่างประเทศ รองอธิบดีกรมการกงสุล ได้ชี้แจงวันนี้ว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบทั้งหมด ได้ทำงานอย่างหนักโดยชี้แจงไปที่เวบไซต์ อะโกด้า บุ๊คกิ้งดอทคอม ขอความร่วมมือเพราะหากนักท่องเที่ยวทำไม่ครบถ้วน จะถูกปฏิเสธ  Thailand Pass ไม่มีสิทธิเดินทางเข้าราชอาณาจักร 

 

• อ้างไม่รู้รายละเอียดไม่ได้

 

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อมาแล้ว ก็จะมีนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่ง ที่อนุมัติด้วยระบบคิวอาร์โค้ด จะเดินทางมาถึงไทย และจะได้รับความไม่สะดวก ที่ผ่านมาพบว่า โรงแรมที่เริ่มเปิดดำเนินการ และยังทำไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ร่วมมือเป็นอย่างดี พอทักท้วงก็จะดำเนินการแก้ไขปฏิบัติให้ถูกต้อง แต่ถ้าพูดกันตรงๆ วันนี้ 22 พ.ย. แล้ว เปิดมา 22 วัน โรงแรมจะบอกว่ายังไม่รู้รายละเอียด หรือข้อปฏิบัติ ยังทำให้ถูกต้องไม่ได้ ไม่สามารถให้เหตุผลแบบนี้ได้ ดูแล้วจะเป็นการที่โรงแรมเจตนาขายเฉพาะห้องพักโดยไม่รวมรถรับ-ส่ง และการตรวจ PCR โดยโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการ 

 

โดยบางโรงแรมมีการจัดแพ็คเกจจริง แต่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเลือกแพ็คเกจที่ไม่รวมได้ และมีการหาการจัดการตรวจ RT-PCR ด้วยตนเองโดยไม่มีโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการ ถือได้ว่ามีเจตนาหลอกลวงนักท่องเที่ยว เพราะส่วนหนึ่ง เมื่อนักท่องเที่ยวไม่ทราบ ได้ซื้อไป แต่พอถูกปฏิเสธที่สนามบิน โดยที่ผ่านมา ถือว่านักท่องเที่ยวรับฟัง และร่วมมือเป็นอย่างดี แต่ต้องถือเป็นการทำให้ประเทศชาติเสียชื่อเสีย และกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อการกำกับมาตรการของประเทศไทย และมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด 

 

“ที่สำคัญ เมื่อนักท่องเที่ยว ยืนยันว่าจะเข้าพักที่โรงแรม SHA+ บวกกับแพ็คเกจที่จะมีรถรับส่ง ก็ต้องยกเลิกโรงแรมที่จองมาก่อนล่วงหน้า และโรงแรมที่ว่ายืนยันไม่คืนเงินให้กับนักท่องเที่ยว ต้องเรียนว่า ศบค. ได้รับรู้และรายงานมาตลอด ขอความร่วมมือเอกชน โรงแรม ที่เราต้องทำไปในทิศทางเดียวกันให้ถูกมาตรฐาน” 

 

 

• ชวนสถานประกอบการ ทำมาตรฐาน SHA หรือ SHA+

 

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า โดยสรุป ปัจจัยความสำเร็จที่เกิดขึ้นได้เป็นไปตามแผน หน่วยงานภาครัฐ ต้องติดตามกันกับมาตรการอย่างใกล้ชิด ไม่ย่อหย่อนมาตรการ และคงขอความร่วมมือไปที่ภาคเอกชน สถานประกอบการ ให้ร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting อย่างเข้มงวด หากยังไม่ผ่าน SHA หรือ SHA+ สามารถดูได้ที่เวบไซต์ กรมอนามัย และเมื่อเข้าสู่มาตรฐาน จะรองรับการเปิดประเทศ และผ่อนคลายได้มากขึ้น SHA หรือ SHA+ 
การผ่านมาตรฐานไม่ระบุเฉพาะโรงแรม หรือร้านอาหาร แต่หากเป็นสถาบันกวดวิชา สอนดนตรี ขนส่งสาธารณะ รถตู้ รถประจำทาง ไม่ประจำทาง บริษัทนำเที่ยว สามารถรับมาตรฐาน SHA+ ได้

 

โดยเฉพาะคนไทยที่ตอนนี้เดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น สามารถยึดเอามาตรฐาน SHA หรือ SHA+ เป็นการประกอบการตัดสินใจ ยกตัวอย่างหากมีร้านอาหาร 5 ร้าน เราคงเลือกเข้าร้านที่มีมาตรฐาน SHA หรือ SHA+ เพื่อนักท่องเที่ยวมั่นใจว่าร้านดังกล่าวได้รับการตรวจสอบมาตรฐานภาครัฐ และหน่วยงานในพื้นที่ รวมทั้งมีการติดตามมาตรฐานความปลอดภัยเป็นระยะ 

 

"แต่หากร้านอาหารที่ได้รับมาตรฐาน SHA หรือ SHA+ ได้รับใบรับรองชัดเจน แต่ผู้ใช้บริการ ประชาชน พบว่าไม่มีการปฏิบัติตามมาตรการ ย่อหย่อนมาตรการ ประชาชนจะต้องช่วยกันรายงาน แจ้งคณะกรรมการโรคติดต่อในพื้นที่ จะเข้าไปดูแล เราต้องช่วยกันสร้างสังคมวิถีใหม่ ผู้ประกอบการที่ทำตามมาตรฐานได้ดี เราก็ต้องชื่นชมให้กำลังใจ หากใครที่ยังทำไม่ครบ คงต้องช่วยสนับสนุน เพื่อให้การเปิดประเทศปลอดภัย เพื่อให้ประชาชนดำเนินชีวิตปกติ" ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าว 

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์