อัพเดทเทรนด์ "Health Tech2022" มุ่งใช้เทคโนโลยี เน้นป้องกันมากกว่ารักษา

อัพเดทเทรนด์  "Health Tech2022" มุ่งใช้เทคโนโลยี เน้นป้องกันมากกว่ารักษา

"สมิติเวช" อัพเดทเทรนด์ "Health Tech 2022" ระบุเน้นการป้องกันการเกิดโรคมากกว่ารักษาโรค ย้ำ Health Tech มาแรง ทุกอุตสาหกรรมต้องปรับตัว ใช้เทคโนโลยีดูแลผู้ป่วยในทุกมิติ

วันนี้(27พ.ย.2564) กรุงเทพธุรกิจ ได้จัดงาน "TRENDS : Driving the Future" อัพเดทเทรนด์ รับปี 2022 ปรับตัวให้ทันทุกโอกาส  โดยมี นพ.ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร กรรมการและกรรมการบริหาร กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวชและโรงพยาบาลบีเอ็นเอช กล่าวถึง Health Tech 2022 ว่าเรื่อง Healthcare Industry ในอนาคตคนไข้จะลดลง เพราะมีเทคโนโลยีที่ทำให้คนไข้ไม่ต้องมาโรงพยาบาล  และคนไข้สามารถดูแลตนเองผ่านระบบต่างๆ  เพราะอุตสาหกรรม Healthcare ไม่ใช่เป็นเรื่องของงแพทย์ พยาบาล เท่านั้น แต่คนที่ไม่ได้ทำอุตสาหกรรม หรือธุรกิจ Healthcare ก็เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น อย่าง บริษัท ประกัน line  AIS  google  apple สตาร์ทอัพ และอุตสาหกรรมอื่นๆ ก็เข้ามาสู่อุตสาหกรรมนี้ได้  เพราะ Healthcare เป็นเรื่องปัจจัยสี่ ที่ทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในอุตสาหกรรม Healthcare

ขณะที่ Health Tech จะมาเร็วกว่าเดิมอย่างแน่นอน  ตอนนี้ Fintech มาแล้ว 70% ฉะนั้น Health Tech มาแน่นอน ส่วนHealthcare trends อนาคตจะเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกับโรงพยาบาลด้วยเทคโนลียี ไม่ว่าจะเป็น  IOT AR/VR  AI หุ่นยนต์ และสิ่งที่สำคัญที่สุดในเรื่องของ Healthcare trends  ไม่ใช่เรื่องการรักษาหรือ Sickcare  อย่างเดียว แต่จะดูตั้งแต่การป้องกันก่อนเกิดโรค ดูแลหลังเกิดโรคอย่างต่อเนื่อง

 

  • Healthcare trends ไม่รอให้ป่วย เน้นการป้องกันโรค

"Healthcare trends  จึงไม่ใช้การรอให้ป่วย แต่จะเป็นการดูแลตนเองตั้งแต่ก่อนเกิดโรค ทำให้ทุกคนรู้ล่วงหน้าก่อนการเกิดโรค และรู้เท่าทันโลก และพยากรณ์ว่าสามารถเกิดโรค และป้องกัน ชีวิตของประชาชนหลังจากนี้จะลดการพึ่งพาแพทย์ และดูแลตัวเองได้มากขึ้นนพ.ชัยรัตน์ กล่าว

นพ.ชัยรัตน์ กล่าวต่อว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเมืองไทยเร็วๆ ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะตั้งแต่เกิดโควิด ทุกคนจะตรวจภูมิตัวเองมากขึ้น และใช้เทคโนโลยีในการดูแล เพราะไม่อยากมาโรงพยาบาล และทุกคนไม่อยากป่วย

“กระแสของ Healthcare ส่งผลการเปลี่ยนแปลงต่อพฤติกรรมผู้บริโภค  เทคโนโลยี  ซึ่งมีความจำเป็นที่ต้องพัฒนาให้เท่าทันอนาคต ไม่ใช่เท่าทันอดีตที่ผ่านมา ต้องทำตัวเหมือนพ่อครัว ต้องมีอาวุธให้ครบเครื่อง  และต้องทำตัวเป็นหมอดู เพื่อคาดเดาอนาคตให้ได้ ซึ่งบิ๊กดาต้ามีความสำคัญเช่นเดียวกับกระบวนการท้าในการต่อกรกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ต้องคาดเดาล่วงหน้าได้  และต้องการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมตัวเอง ต้องเก่งคน เก่งงาน”นพ.ชัยรัตน์ กล่าว

 

  • ปรับตัวพัฒนาเทคโนโลยีดูแลผู้ป่วยทุกมิติ

ที่ผ่านมาอุตสาหกรรม Healthcare ต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อช่วยดูแลผู้ป่วยในทุกมิติ ซึ่งสมิติเวช มีการนำพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น มี

TytoCare หรือชุดอุปกรณ์ตรวจสุขภาพเบื้องต้น ที่แพทย์จะสามารถวินิจฉัยโรค และให้คำปรึกษาผ่านระบบออนไลน์ โดยใช้แอปพลิเคชั่น Samitivej Virtual Hospital ซึ่งสามารถเข้ารับบริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง TytoCare ผู้ป่วยจะสามารถตรวจปอด ส่องหู ส่องคอ ผิวหนัง วัดอุณหภูมิ หัวใจและการเต้นของหัวใจ เปรียบเสมือนโรงพยาบาลบนโลกออนไลน์ ที่บริการให้คำปรึกษาทางการแพทย์แบบเรียลไทม์ เป็นต้น

นพ.ชัยรัตน์ เล่าต่อไปว่าเราสร้างคุณค่าโดยยึดคอนเซ็ปต์ #เราไม่อยากให้ใครป่วย คือ การทำ Risk Care, Early Care ได้แก่ Early Detection, Early Screening, Early Prevention, Early Prediction จนถึง Self-care ใช้นวัตกรรมให้ผู้รับบริการ รู้เท่าทัน-สกัดกั้น-วางแผนสุขภาพ ลดการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการรักษา

อย่างไรก็ตาม เทรนด์ของ Healthcare ให้ทำตรงข้ามตำรา เมื่อก่อนอาจจะมองถึงโปรดักส์โดยที่ไม่สนในตลาด แต่ตอนนี้ต้องสนใจว่าลูกค้าต้องการอะไร  ต้องสร้างการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และสร้างความคุ้มค่าต่างๆ  

“โควิดต้องอยู่กับเราไปเรื่อยๆ จนเหมือนกันไข้หวัดใหญ่ อนาคตจะเป็นคลัสเตอร์ ซึ่งสามารถควบคุมได้ แต่ต้องคิดเสมอว่าต้องป้องกัน และฉีดวัคซีน อย่าไปกลัวต้องทำงานอาชีพ อย่ากังวลในอดีต แต่ต้องปรับตัวเพื่ออนาคตของเรา” นพ.ชัยรัตน์ กล่าว