อัพเดทแผนฉีด "วัคซีนโควิด" ปี 2565 ไทยจะได้วัคซีนบูสเตอร์กี่โดส?
อธิบดีกรมควบคุมโรค เผย "วัคซีนโควิด" เข็มกระตุ้น เคาะใหม่ให้ฉีดห่างจากเข็มที่ 2 เป็นระยะเวลา 3 เดือน ส่วนปีหน้าตั้งเป้า คนไทยจะได้รับวัคซีนเข็มบูสเตอร์อย่างน้อย 23 ล้านรายภายในมีนาคม 2565 และภาพรวมต้องฉีดได้อย่างน้อย 80%
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขได้จัดเวทีหารือถึงเรื่องการวางแผนฉีด "วัคซีนโควิด" ให้คนไทยเพิ่มเติมในปีหน้า ผ่านการประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทำแผนเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดประเทศ และรองรับการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 พื้นที่ภาคใต้ ผ่านช่องทางออนไลน์
โดยมีผู้ร่วมประชุมคนสำคัญ ได้แก่ นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค รวมไปถึงผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ทั้งภาครัฐและเอกชนจากพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ สรุปใจความสำคัญเกี่ยวกับแผนการฉีดวัคซีนในปี 2565 มาให้ทราบกันอีกครั้ง ดังนี้
1. วางแนวทางใหม่ "วัคซีนโควิด" เข็มบูสเตอร์
ในที่ประชุมดังกล่าว มีประเด็นสำคัญที่ถูกพูดถึงคือ การวางแนวทางใหม่ในการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยนายแพทย์โอภาส อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุชัดว่า จากนี้ไปให้ฉีดวัคซีนโควิดเข็มบูสเตอร์ (เข็ม 3) ห่างจากเข็มที่ 2 เป็นระยะเวลา 3 เดือน
2. ปีหน้า 2565 คนไทยจะได้บูสเตอร์โดส 23 ล้านราย
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลประมาณการประชาชนที่จะได้รับเข็มบูสเตอร์ (เข็มที่ 3) ระบุว่าต้นปีหน้า ต้องมีคนไทยได้รับวัคซีนเข็มบูสเตอร์ อย่างน้อย 23 ล้านราย ภายในมีนาคม 2565 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้มีมากขึ้น และตั้งเป้าหมายการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ในปี 2565 คนไทยต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อยร้อยละ 80
สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยฉีดสามารถ Walk-in ได้ตามสถานพยาบาลที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร ตามที่กำหนดไว้
3. เช็คแผนเปิดประเทศ 14 จังหวัดภาคใต้
ในที่ประชุมได้เปิดเผยถึงแผนเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดประเทศ 14 จังหวัดภาคใต้ โดยย้ำถึง 4 มาตรการเปิดประเทศ V-U-C-A ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญป้องกันโควิด 19 ทุกสายพันธุ์ ได้แก่
- V - Vaccine ฉีดครบ ลดป่วยหนัก
- U - Universal Prevention ป้องกันตัวเองตลอดเวลา ห่างไกลจากโควิด
- C - COVID Free Setting สถานที่บริการพร้อม ผู้ให้บริการฉีดวัคซีนครบ ตรวจ ATK ทุกสัปดาห์
- A - Antigen test kit พร้อมตรจเสมอเมื่อใกล้ชิดคนติดเชื้อ หรือมีอาการทางเดินหายใจ
นายแพทย์โอภาส กล่าวเสริมอีกว่า แนวทางการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ระดับประเทศนั้น แม้ว่าภาพรวมของผู้ติดเชื้อทั่วประเทศมีแนวโน้มลดลง แต่ในภาคใต้ยังมีคลัสเตอร์ย่อยอยู่มาก
ดังนั้น การได้รับวัคซีนเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยลดความรุนแรงและการเสียชีวิตได้ จึงต้องเชิญชวนให้ประชาชนเข้ามารับวัคซีนให้ครอบคลุมที่สุด โดยคาดว่าจะฉีดวัคซีนโควิดครบ 100 ล้านโดส ภายในวันที่ 20 ธันวาคม 2564
4. เด็กต่ำกว่า 12 ปี รับวัคซีนตามความสมัครใจ
ในบางช่วงบางตอนของการประชุม ยังได้กล่าวถึงการรับวัคซีนของประชากรกลุ่มอายุต่ำกว่า 12 ปี ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา เพื่อรับวัคซีนได้ตามความสมัครใจของเด็กและผู้ปกครอง ทั้งนี้ เพื่อให้เด็กอนุบาลและชั้นประถมศึกษาได้เตรียมความพร้อมก่อนการเปิดเทอม
5. คาดการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะต่ำกว่า 3,000 คนต่อวัน
ด้านนายแพทย์เกียรติภูมิ กล่าวว่า เกือบ 2 ปีแล้ว ที่ผู้คนทั่วโลกต้องเผชิญกับวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทุกวันนี้คนไทยรู้จักโรคดีขึ้น อีกทั้ง ในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2564 มีรายงานการฉีดวัคซีนโควิดให้ประชาชนไปแล้วกว่า 97.4 ล้านโดส
สำหรับโควิดสายพันธุ์โอมิครอนก็ยังต้องเฝ้าระวัง แต่คิดว่าไม่น่าจะมีสถานการณ์ที่รุนแรงกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดประเทศแล้วก็ต้องยึดหลัก VUCA เป็นมาตรการสำคัญ
ที่ผ่านมาพบว่าการแพร่เชื้อต่ำกว่าการคาดหมาย อีกไม่นานน่าจะเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อต่ำกว่า 3,000 คนต่อวัน โดยต้องดำเนินงานควบคู่ไปกับการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้อย่างปลอดภัย