มน.เปิดตัวหอผู้ป่วยวิกฤตระบบทางเดินหายใจ แห่งแรกของภาคเหนือ
คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร แถลงเปิดตัว “หอผู้ป่วยวิกฤตระบบทางเดินหายใจ แห่งแรกในภาคเหนือตอนล่าง สำหรับดูแลผู้ป่วยที่ต้องสงสัยการติดเชื้อและรอผลยืนยันเพื่อส่งไปรักษายังหอผู้ป่วยที่เหมาะสม
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 13 มกราคา 2565 ที่สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยนเรศวร ศ.ดร.นายแพทย์ศิริเกษม ศิริลักษณ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับ ผศ.ดร.นินนาท ราชประดิษฐ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ เปิดตัว “หอผู้ป่วยวิกฤตระบบทางเดินหายใจ (Respiratory care unit : RCU)” แห่งแรกในภาคเหนือตอนล่าง
ศ.ดร.นายแพทย์ศิริเกษม ศิริลักษณ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า หอผู้ป่วยวิกฤตระบบทางเดินหายใจ (Respiratory care unit : RCU) หรือ หอผู้ป่วยที่ได้รับการตรวจจากโรงพยาบาลแล้วต้องสงสัยการติดเชื้อ COVID-19 อยู่ระหว่างการรอผลการตรวจที่แน่นอน หรือผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันการติดเชื้อแล้วรอการส่งต่อการรักษาไปยังหอผู้ป่วยอื่นๆ โดยความร่วมมือระหว่างคณะวิศวกรรมศาสตร์ และคณะเภสัชศาสตร์ ได้ทำการศึกษาค้นคว้าวิจัยประมาณ 2 ปี ในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร เกิดเป็นองค์ความรู้ด้านวิชาการสำหรับใช้ใน
โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร สามารถเป็นต้นแบบที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีนี้ให้กับโรงพยาบาลอื่น หรือบ้านเรือนประชาชนได้
ทางโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ต้องขอขอบพระคุณผู้บริจาคห้องแยกป้องกันเชื้อความดันลบแบบเคลื่อนที่ Negative Pressure Isolation Room จำนวน 6 หลัง ทำให้มีครุภัณฑ์ดูแลผู้ป่วย และได้ปรับปรุงสถานที่บริเวณ ชั้น 2 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา 1 เป็นหอผู้ป่วย RCU แห่งแรกในเขตภาคเหนือตอนล่าง ที่มีความสมบูรณ์ทั้งทางกายภาพ เทคโนโลยีระบบถ่ายเทอากาศที่ปลอดภัยต่อผู้ป่วยและผู้ดูแล รวมทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับการประยุกต์หลักการด้านระบบถ่ายเทอากาศ ผศ.ดร.นินนาท ราชประดิษฐ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ กล่าวว่า “สำหรับหอผู้ป่วย RCU นี้ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ได้นำมาใช้ในการเรียนการสอนรวมถึงทำเป็นงานวิจัยขึ้นมาเป็นต้นแบบ โดยแบ่งเป็น 4 Zone เพื่อการรับและให้การดูแลผู้ป่วย ได้แก่ Zone A - Contaminate Zone (- -) เขตปนเปื้อนหรือพื้นที่ที่มีแรงดันอากาศเป็นลบ หรือ Negative Pressure เพื่อป้องกัน ไม่ให้เชื้อมาปะปนในอากาศและพื้นที่อื่นรอบด้าน
Zone B - Buffer Zone (-) เขตกั้นระหว่างพื้นที่ปนเปื้อนกับพื้นที่รอบด้าน , Zone C - Service Zone (+) เขตบริการ คือพื้นที่สำหรับเปลี่ยนชุดป้องกัน และทำความสะอาดร่างกายหลังการดูแลผู้ป่วย , Zone D - Clean Zone (++) เขตสะอาด คือพื้นที่ทำงานสำหรับบุคลากรทางการแพทย์
การปรับปรุงหอผู้ป่วยนี้จะช่วยลดอัตราความเสี่ยงของการแพร่กระจายเชื้อในโรงพยาบาลระหว่างรอผลการตรวจยืนยัน รวมทั้งสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ และสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญคือสามารถนำหลักการนี้ไปปรับใช้กับบ้านเรือนที่ต้องการแยกผู้ป่วยด้วยการดึงอากาศ และถ่ายเทอากาศ เช่น พัดลมดูดอากาศที่ขายตามท้องตลาด ขนาด 100-600 CFM ขึ้นอยู่กับขนาดห้องที่ใช้ด้วย
ในด้านการตรวจหาเชื้อจุลชีพที่มีอยู่ในอากาศและพื้นผิวของห้องต่าง ๆ ในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร การนี้ ดร.ภก ประยุทธ ภูวรัตนาวิวิธ คณะเภสัชศาสตร์ ร่วมกับทีมพยาบาลทีมแพทย์ทำงานวิจัย พบว่า ในห้องที่จัดทำระบบถ่ายเทอากาศ ตั้งแต่ใช้งานมาก็ไม่พบเชื้อจุลชีพ ที่สำคัญคือ ยังไม่พบรายงานแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อจากการทำงานในห้องที่มีระบบแบบนี้ ในอนาคตคาดว่าจะเขียนเป็นคู่มือให้กับโรงพยาบาล หรือ บ้านเรือนที่ต้องการใช้กับผู้ป่วยที่มีโรคระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ