เปิดสูตร "วัคซีนโควิด-19" ป้องกัน "โอมิครอน"
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เผยผลทดสอบประสิทธิภาพ "วัคซีนโควิด-19" ต่อ "โอมิครอน" และ "เดลตา" ลดลงในทุกสูตร โดยเฉพาะสูตร 2 เข็ม ขณะที่ การฉีด "เข็มกระตุ้น" สามารถป้องกันไวรัส "โอมิครอน" ได้ดี
วันนี้ (17ม.ค.65) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันจากวัคซีนในการป้องกันเชื้อโควิด-19 ต่อไวรัส สายพันธุ์เดลตา และ สายพันธุ์ โอมิครอน โดยเก็บตัวอย่างเลือดหรือซีรั่มของผู้ที่ได้รับวัคซีนแต่ละสูตรทั้งหมด 8 สูตรที่ใช้ฉีดในไทย
มีการเก็บตัวอย่างเลือดหลังรับวัคซีนแล้ว 2 สัปดาห์ ถือเป็นระดับที่มีภูมิคุ้มกันมากพอที่จะต่อสู้เชื้อโรคต่างๆ ได้ จากนั้นนำมาทดสอบด้วยวิธีที่เรียกว่า PRNT หรือ Plaque Reduction Neutralization Test โดยใช้ตัวอย่างเลือดจริงของผู้ป่วยจากนั้นมาทำการเจือจางให้ได้ระดับที่ปลอดภัย หรือที่เรียกว่า ค่า Plaque ที่ลดลง 50% ซึ่งถือเป็นระดับสุดท้ายที่จะป้องกันการติดเชื้อได้ มีรายละเอียด ดังนี้
1. ซิโนแวค + แอสตร้าเซนเนก้า
ระดับภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์เดลตา 201.90
ระดับภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์โอมิครอน 11.63
ลดลง 17.35 เท่า
2. แอสตร้าเซนเนก้า + แอสตร้าเซนเนก้า
ระดับภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์เดลต้า 226.90
ระดับภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์โอมิครอน 23.81
ลดลง 9.53 เท่า
3. ไฟเซอร์+ไฟเซอร์
ระดับภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์เดลตา 189.40
ระดับภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์โอมิครอน 19.17
ลดลง 9.88 เท่า
4. ซิโนแวค+ไฟเซอร์
ระดับภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์เดลตา 581.10
ระดับภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์โอมิครอน 21.70
ลดลง 26.77 เท่า
5. แอสตร้าเซนเนก้า+ไฟเซอร์
ระดับภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์เดลตา 388.20
ระดับภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์โอมิครอน 21.21
ลดลง 18.3 เท่า
6. ซิโนแวค + ซิโนแวค + แอสตร้าเซนเนก้า
ระดับภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์เดลต้า 368.10
ระดับภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์โอมิครอน 71.64
ลดลง 5.14 เท่า
7. ซิโนแวค + ซิโนแวค + ไฟเซอร์
ระดับภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์เดลต้า 729.30
ระดับภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์โอมิครอน 282.50
ลดลง 2.58 เท่า
8. แอสตร้าเซนเนก้า + แอสตร้าเซนเนก้า + ไฟเซอร์
ระดับภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์เดลต้า 691.10
ระดับภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์โอมิครอน 229.90
ลดลง 3.10 เท่า
“ต้องเรียนว่านี่คือตัวเลขภูมิในร่างกายมนุษย์ แต่กลไกการต่อสู้ต่อเชื้อโรคไม่ได้มีแค่ภูมิในน้ำเลือด แต่ยังมีเรื่องของเซลล์เม็ดเลือดขาวที่จดจำไวรัสได้ก็จะออกมาช่วยจัดการ เพียงแต่อันนี้เราวัดแค่จากน้ำเลือด ทั้งนี้ เมื่อเทียบภูมิต่อเดลต้าและต่อโอมิครอนยืนยันว่าลดลงในทุกสูตร โดยเฉพาะสูตร 2 เข็ม เช่น สูตร ซิโนแวค+แอสตร้าฯ ถ้าเป็นภูมิต่อเดลต้าได้มากถึง 201.90 แต่เทียบกับโอมิครอนลดเหลือเพียง 11.63 ซึ่งหายไปถึง 17 เท่า” นพ.ศุภกิจกล่าว
สำหรับข้อมูลนี้ เป็นการเก็บตัวอย่างเลือดระยะเวลา 2 สัปดาห์หลังฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นเวลาที่ภูมิคุ้มกันขึ้นมาค่อนข้างดี โดยเป็นการหาระดับภูมิคุ้มกันแบบลบล้างฤทธิ์ (neutralizing antibody) ต่อเชื้อไวรัสจริงในห้องปฏิบัติการ BSL-3 โดยวิธี PRNT : Plaque Reduction Neutralization Test วัคซีนทุกสูตรทำให้ภูมิคุ้มกันแบบลบล้างฤทธิ์ ต่อเชื้อโอมิครอนลดลง แต่การฉีดเข็มกระตุ้นจะสามารถป้องกันไวรัสโอมิครอนได้ดี แต่การคงอยู่ของระดับภูมิคุ้มกันต้องติดตามตรวจในระยะต่อไป
“การศึกษาชัดเจนว่า โอมิครอน มีผลต่อวัคซีนทุกสูตรทุกชนิด เพราะหลบวัคซีนได้มากกว่าเดลตา แต่ตัวเลขสะสมติดโอมิครอนเกือบหมื่นรายแล้ว แต่ผู้เสียชีวิต 2 ราย ซึ่งขณะนี้เรากำลังสุ่มเป็นสัดส่วนมากขึ้น โดยข้อมูลจากการสุ่มสำรวจสถานการณ์จริงของโอมิครอนในไทย เมื่อเทียบกับเดลตา มีลักษณะอย่างไร คาดว่า 1-2 วันจากนี้จะทราบผลชัดเจน”
อย่างไรก็ดี วัคซีนทุกสูตรยังช่วยลดความรุนแรงและการเสียชีวิตของผู้ป่วยในทุกสายพันธุ์ ในสนามจริง (real world) และการฉีดวัคซีนยังมีความจำเป็น โดยเฉพาะเข็มกระตุ้น (booster dose) เพื่อให้ภูมิคุ้มกันมากพอที่จะลดการแพร่การติดเชื้อ และการเจ็บป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิตได้มากขึ้น