ชี้ชัด 19 ม.ค.นี้ “ปลดล็อกกัญชา” ออกจากยาเสพติดโดยสิ้นเชิง?
วันนี้ (19 ม.ค.2565) คงได้รู้ผลทันทีว่าทางคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด ซึ่งมี ท่านวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายจากท่านนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ ว่าจะ"ปลดล็อกกัญชา" ออกจากยาเสพติดโดยสิ้นเชิงหรือไม่?
เมื่อผลวิจัยนโยบายกัญชา 6 ต้น ออกมาชี้ชัดว่าการปลูกกัญชาจะช่วยให้เกษตรกรทำกำไรได้ แต่ขณะเดียวกันนักวิชาการหลายๆท่านกังวลถึงปัญหาต่างๆ ที่จะตามมา....
ผลวิจัยในเรื่อง "การถอดบทเรียนการปลูกกัญชาทางการแพทย์ของวิสาหกิจชุมชน กรณีศึกษาบ้านโนนมาลัย" จัดทำโดย นักวิจัย ภก.ชัยสิทธิ์ สุนทรา เภสัชกรชำนาญการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงคอุบลราชธานี ในหลักสูตรบริหารจัดการผลิตภัณฑ์สมุนไพร วิทยาลัยเภสัชกรรมสมุนไพร สภาเภสัชกรรม ซึ่งเสนอในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายกัญชาทางการแพทย์ สถาบันกัญชาทางการแพทย์
โดยผลการศึกษา พบว่า การปลูกกัญชา 6 ต้น นั้นสามารถสร้างผลกำไร ให้แก่เกษตรกรได้ตั้งแต่รอบแรกของการปลูก โดยมีในช่วงระยะเวลา 8 เดือน พบว่าในภาพรวมชุมชน 7 แปลงปลูก มีต้นทุนคงที่ 80,201 บาท ต้นทุนผันแปร 37,931 บาท รวมต้นทุนทั้งหมด 118,132 บาท และสามารถสร้างรายได้สุทธิ 148,286 บาท
ทั้งนี้ ผลวิจัยดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงความคุ้มค่าของนโยบายการปลูกกัญชา 6 ต้น ว่าสามารถทำกำไรให้แก่ผู้ปลูกได้ และยังได้องค์ความรู้เรื่องการปลูก ตั้งแต่ ดิน ปุ๋ย การเก็บเกี่ยว และการนำไปใช้ประโยชน์ ที่สามารถถ่ายทอดต่อให้เกษตรกรกลุ่มอื่นได้
- เสนอ 5 มาตรการปรับปรุงกัญชา 6 ต้น
สำหรับ 3 ปัจจัยที่ส่งเสริมให้ประสบความสำเร็จ คือ 1. นโยบายที่ชัดเจน 2. ระบบนิเวศวิทยา หรือ Ecosystem ที่เหมาะสม และ 3. ความเข้มแข็งของเกษตรกร ที่ภาครัฐต้องเสริมความเข้มแข็ง
นอกจากนั้น นักวิจัยได้เสนอมาตรการ 5 ข้อ เพื่อปรับปรุงให้โครงการกัญชา 6 ต้น ของวิสาหกิจชุมชน สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ได้แก่
- การเปิดตลาดสินค้าชุมชน
- การลดขั้นตอนการอนุญาตและกำกับดูแล
- การสร้างเครือข่ายหน่วยงานภาครัฐในการสนับสนุนการปลูกและแปรรูปกัญชาในทุกระดับ
- การพัฒนาระบบพี่เลี้ยงให้แก่เกษตรกร
- การสร้างเครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูกกัญชา เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้างอำนาจในการต่อรอง
- “ปลดล็อกกัญชา” ออกจากยาเสพติดโดยสิ้นเชิง
ขณะเดียวกัน ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เตรียมเสนอ “ปลดล็อกกัญชา” ออกจากยาเสพติดโดยสิ้นเชิง
นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการปลดล็อกกัญชา-กัญชง ออกจากรายชื่อเสพติดให้โทษ ว่า ขณะนี้ทุกอย่างกำลังดำเนินการตามลำดับขั้นตอนทางกฎหมาย
โดยขั้นตอนแรก คือ การระบุชื่อยาเสพติดให้โทษ ที่เป็นกฎหมายระดับรอง ซึ่งจะออกเป็นลักษณะของประกาศกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้ ประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยวันนี้เป็นก้าวแรกในการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ที่มี นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการอย.ฯ เป็นประธาน
- ขั้นตอนการเสนอปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด
ทั้งนี้ มติในที่ประชุมเห็นชอบให้ควบคุมสารสกัดจากทุกส่วนของกัญชา และกัญชง โดยเห็นชอบ (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. .... ซึ่งกำหนดให้การระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 คือ สารสกัดจากพืชกัญชา กัญชง ที่เป็นพืชในตระกูลแคนนาบิส (Cannabis) ยังเป็นยาเสพติดให้โทษ
ยกเว้นที่ไม่เป็นยาเสพติดให้โทษ คือ ก.สารสกัดจากพืชกัญชา กัญชง เฉพาะที่ได้จากการอนุญาตปลูกในประเทศ ในทุกส่วนที่มีปริมาณสาร THC ไม่เกิน 0.2% โดยน้ำหนัก และ ข. สารสกัดจากเมล็ดกัญชา กัญชง ที่ได้จากการปลูกในประเทศเช่นกัน
“จะไม่มีชื่อกัญชาอยู่ในยาเสพติดแล้ว เราจะเหลือว่ายาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 คือ สารสกัดที่ได้จากพืชกัญชา กัญชง ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงประโยชน์ของการใช้กัญชาได้” นพ.วิทิต กล่าว
นพ.วิทิต กล่าวต่อว่า เราต้องป้องกันการนำเข้าสารสกัดจากกัญชา และกัญชง จากต่างประเทศ เพื่อดูแลผู้ประกอบการในประเทศ ด้วยการกำหนดข้อยกเว้น ก และ ข เพื่อให้ผู้ที่ได้รับอนุญาตไปก่อนหน้านี้ ยังสามารถสกัดและนำไปทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้
ดังนั้น สารสกัดจากพืชกัญชา กัญชงทุกส่วน ยังเป็นยาเสพติด แต่ถ้ามีปริมาณสาร THC น้อยกว่า 0.2% โดยน้ำหนัก จะถือว่าไม่เป็นยาเสพติด แต่ต้องมาจากการอนุญาตปลูกในประเทศเท่านั้น
สำหรับขั้นตอนต่อไปจะดำเนินการเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด ที่มี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานฯ เพื่อพิจารณาในวันที่ 19 ม.ค. นี้
หลังจากนั้นกระทรวงสาธารณสุขจะเสนอ (ร่าง)ประกาศดังกล่าว ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ส. ที่ท่านวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายจากท่านนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 29 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด ย้ำว่าหากผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ป.ป.ส.แล้ว ก็จะเสนอต่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ที่มีอำนาจตามประมวลยาเสพติด เห็นชอบเพื่อลงนามประกาศใช้ต่อไป
“หากเราปลดล็อกกัญชา เราจะสามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน เดิมใช้ได้แค่บางส่วน แต่ครั้งนี้ช่อดอกก็จะใช้ได้ตามภูมิปัญญา เพื่อดูแลสุขภาพ ใช้เมล็ดกัญชาได้ ไปจนถึงเศรษฐกิจ เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป” นพ.วิทิต กล่าว
- รองนายกฯ ฝากประชาชนชะลอการปลูกกัญชา
ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงขอถกเถียงระหว่างกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เรื่องการปลูกกัญชาถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่ ว่า ได้มีการคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ได้ยินว่าผู้เกี่ยวข้องกำลังหารือว่าจะแก้ปัญหา ส่วนประชาชนนั้น ตอนนี้ควรชะลออยู่นิ่งๆ ก่อนปลูกกัญชาไปก่อน