เปิดแผน "วัคซีนโควิด-19" เดือน ก.พ. ในเด็กอายุ 5-11 ปี และ 10 จ. กระตุ้นเข็ม 3-4

เปิดแผน "วัคซีนโควิด-19" เดือน ก.พ. ในเด็กอายุ 5-11 ปี และ 10 จ. กระตุ้นเข็ม 3-4

ศบค. เปิด 4 แผน "วัคซีนโควิด-19" เดือนกุมภาพันธุ์ 2565 บริการฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี แนวทางฉีดเข็มกระตุ้น 3-4 ใน 10 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยวและพื้นที่ระบาดกระตุ้นเศรษฐกิจ เป้าหมายประชากร 2.5 ล้านคน ตั้งเป้าบริการวัคซีน ก.พ. รวมทั้งหมด 11.6 ล้านโดส

วันนี้ (20 ม.ค. 65) ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด กล่าวภายหลังจากการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ ประเด็นการปรับฐานประชากรสำหรับกำกับติดตามการได้รับวัคซีนของประเทศไทย เนื่องจากประชากรมีการเกิด เคลื่อนย้าย และเสียชีวิต ในระหว่างปีมีมาตรการจำกัดการเดินทาง และมีชาวต่างชาติเดินทางกลับประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนประชากรที่อาศัยอยู่จริงและเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับติดตามการให้บริการวัคซีน

 

  • ขั้นตอนดำเนินการ

 

1. ทบทวนฐานข้อมูลจำนวนประชากรจากแหล่งต่างๆ ดังนี้ เช่น

  • ฐานประชากรตามประกาศสำนักทะเบียนกลาง กระทรวงมหาดไทย จำนวนประชากร 66.17 ล้านคน
  • ฐานประชากรตามสิทธิการรักษาจากข้อมูลจังหวัด จำนวนประชากร 60.66 ล้านคน
  • ฐานประชากรไทยตามสิทธิการรักษาจากข้อมูล สปสช. จำนวนประชากร 66.78 ล้านคน ร่วมกับ ฐานประชากรต่างชาติตามสิทธิการรักษาจากพื้นที่
  • จำนวนประชากร 1.8 ล้านคน รวมจำนวนประชากรไทยและต่างชาติตามสิทธิการรักษา 68.60 ล้านคน

 

2. เปรียบเทียบฐานข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ให้สอดคล้องกับจำนวนประชากรที่อาศัยอยู่จริง

 

3. สรุปฐานข้อมูลที่เลือกใช้ ได้แก่

  • ฐานประชากรไทยและต่างชาติตามสิทธิการรักษา จำนวนประชากร 68.60 ล้านคน โดยมีเหตุผล ดังนี้
  • เป็นฐานจำนวนประชากรที่ใกล้เคียงกับฐานประชากรตามประกาศสำนักทะเบียนกลาง กระทรวงมหาดไทยสะท้อมถึงแหล่งที่อาศัยอยู่จริงของประชากร

 

4. จัดทำฐานข้อมูลรวม โดยใช้ฐานประชากรไทยและต่างชาติตามสิทธิกรรักษา (68.60 ล้านคน) รวมกับ การสำรวจจำนวนประชากรที่ ไม่มีสิทธิการรักษาทั้งที่มีสัญชาติไทยและไม่มีสัญชาติไทยจากแต่ละจังหวัด (0.96 ล้านคน) รวมเป็น 69.60 ล้านคน

 

เปิดแผน \"วัคซีนโควิด-19\" เดือน ก.พ. ในเด็กอายุ 5-11 ปี และ 10 จ. กระตุ้นเข็ม 3-4

  • 4 แผนงานบริหารวัคซีน ก.พ. 65

 

สำหรับ การบริหารจัดการ "วัคซีนโควิด-19" เดือนกุมภาพันธ์ 2565 จำแนกเป็น 4 แผนงาน ดังนี้

 

1. แผนบริการฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี

  • แผนการรับมอบวัคซีน Pfizer ฝาสีส้มจากบริษัทผู้ผลิตในทวีปเอเชีย ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 2 ถัดจากประเทศสิงค์โปร์ ที่จะได้รับการส่งมอบวัคซีน Pfizer ฝ่าสีส้มในเด็ก 5-11 ขวบ โดยจะเริ่มเข้ามาในช่วงปลายเดือนมกราคม และทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
  • แผนการรับมอบ Pfizer ในไตรมาสที่ 1/2565 เป็นวัคซีนผู้ใหญ่ (ฝ่าสีม่วง) จำนวน 3.5 ล้านโดส และวัคซีนเด็ก (ฝ่าสีส้ม) จำนวน 3 ล้านโดส

 

แผนการจัดสรรวัคซึน Pfizer สำหรับเด็ก (ฝาสีส้ม) ในประเทศไทย

  • ลอตแรก จัดสรรให้สถานพยาบาลสำหรับกลุ่มอายุ 5-11 ปีที่โรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ที่ไม่สามารถรับการฉีดวัคซีนผ่านระบบสถานศึกษาโดยให้กุมารแพทย์เป็นผู้พิจารณาฉีด
  • ลอตถัดไป ดำเนินการผ่านระบบสถานศึกษา จัดสรรให้เด็กนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในทุกจังหวัดเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นจัดสรรให้นักเรียนชั้นปีอื่นถัดไปตามลำดับ
  • การจัดสรรวัคซีนเป็นไปตามสัดส่วนของนักเรียนในแต่ละจังหวัด
  • มีการสำรองวัคซีนในส่วนกลางไว้ใช้กรณีฉุกเฉินหรือมีการระบาดในพื้นที่
  • การจัดสรรวัคนสำหรับการฉีดในสถานพยาบาล ให้ใช้สำหรับเด็กป่วย หรือเด็กที่เรียนผ่านระบบ Homeschool เท่านั้น

 

เปิดแผน \"วัคซีนโควิด-19\" เดือน ก.พ. ในเด็กอายุ 5-11 ปี และ 10 จ. กระตุ้นเข็ม 3-4

  • คำแนะนำฉีดไฟเซอร์ สูตรเด็ก

 

คำแนะนำการฉีดวัคซีน Pfizer สูตรสำหรับเด็ก สูตรฝาส้ม จากราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย เด็กอายุ 5-11 ปี ให้ฉีดวัคซีนชนิด Pfizer สูตรสำหรับเด็ก ขนาด 10 ไมโครกรัม ปริมาณ 0.2 มล. เข้ากล้าม 2 ครั้ง ห่างกัน 3-12 สัปดาห์ โดยระยะห่าง 8-12 สัปดาห์ จะดีกว่า 3-4 สัปดาห์ เพราะได้รับระดับภูมิคุ้มกันที่สูงกว่า และผลข้างเคียงน้อยกว่า

 

คำแนะนำในการฉีดวัคซีน Pfizer สูตรสำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี (ฝาสีส้ม) ของกระทรวงสาธารณสุข

 

1. ระยะห่างระหว่างเข็มที่ 1 และ 2 เป็นเวลา 8 สัปดาห์

2. สูตรสำหรับฉีดผู้ใหญ่และเด็กมีความแตกต่างกัน ในแต่ละสถานพยาบาล ควรแยกจุดฉีดหรือโต๊ะฉีด สำหรับขวดฝาม่วงและฝาส้มให้ชัดเจน

 

เปิดแผน \"วัคซีนโควิด-19\" เดือน ก.พ. ในเด็กอายุ 5-11 ปี และ 10 จ. กระตุ้นเข็ม 3-4

 

2. แผนการรณรงค์เร่งรัดการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคโควิด 19 ในจังหวัดพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวและพื้นที่ระบาดเพื่อ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และเปิดการเดินทาง

 

วัตถุประสงค์

1. เพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้กับประชาขนในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวและพื้นที่ระบาด

2.เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ป้องกันการแพร่ระบาด รวมทั้งสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยว และประชาชนในพื้นที่

3. เพื่อให้พื้นที่สามารถเปิดการเดินทาง และฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยเร็ว

ประชากรเป้าหมาย ประชากรทุกสัญชาติที่อาศัยอยู่ในพื้นที่*

 

พื้นที่เป้าหมาย

แบ่งเป็น 2 กลุ่มจังหวัด จำนวน 10 จังหวัด ดังนี้

กลุ่มที่ 1 พื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวที่เปิดรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร ได้แก่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี กระบี่ และพังงา

กลุ่มที่ 2 พื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว หรือมีการระบาด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี สมุทรปราการ นนทบุรี กาญจนบุรี และ ปทุมธานี

 

ระยะเวลาดำเนินการ

วันที่ 17-31 มกราคม 2565 และอาจขยายไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์

 

ชนิดวัคซีน

วัคซีน AstraZeneca และ Pfizer สำหรับเข็มกระตุ้น

 

*ขยายกลุ่มเป้าหมายจากเดิมให้ในบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด่านหน้าและประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคเรื้อรัง เป็นประชากรทุกคน

 

เปิดแผน \"วัคซีนโควิด-19\" เดือน ก.พ. ในเด็กอายุ 5-11 ปี และ 10 จ. กระตุ้นเข็ม 3-4

 

  • แผนการฉีดกระตุ้นเข็ม 3-4 

 

สำหรับ แผนการรณรงค์เร่งรัดการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคโควิด 19 ในจังหวัดพื้นที่ท่องเที่ยวและพื้นที่ระบาด เพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 10 จังหวัด ได้แก่  ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา ชลบุรี สมุทรปราการ นนทบุรี กาญจนบุรี ปทุมธานี และ กรุงเทพมหานคร

 

จำนวนเป้าหมายในการฉีด วัคซีนเข็มกระตุ้น

ในประชากรจำนวนประมาณ 2.5 ล้านคน

 

ขั้นตอนการดำเนินงาน

ให้กระจายจุดฉีดให้ทั่วถึงในทุกจังหวัด มีจุดฉีดที่ระดับ รพ.สต/คลินิกเวชกรรม โดยมีวัคซีนพร้อมในทุกพื้นที่ รวมถึง รพ.สต. (ตอนนี้ได้จัดส่งวัคซีนให้พื้นที่แล้วประมาณ 1 ล้านโดส) และมีสูตรฉีดดังนี้

 

แนวทางกระตุ้นเข็ม 3

ซิโนแวค/ซิโนฟาร์ม + แอสตร้าเซนเนก้า

เข็ม 3 แอสตร้าเซเนกน้า

ระยะห่าง 3 เดือนขึ้นไป

 

แอสตร้าเซนเนก้า + แอสตร้าเซนเนก้า

เข็ม 3 ไฟเซอร์

ระยะห่าง 3 เดือนขึ้นไปหลังเข็ม 2

 

แนวทางกระตุ้นเข็ม 4

ซิโนแวค + ซิโนแวค + แอสตร้าเซนเนก้า

เข็ม 4 แอสตร้าเซนเนก้า

ระยะห่าง 3 เดือนขึ้นไปหลังเข็ม 3

 

ซิโนแวค + ซิโนแวค +ไฟเซอร์

เข็ม 4 ไฟเซอร์

ระยะห่าง 3 เดือนขึ้นไปหลังเข็ม 3

 

เปิดแผน \"วัคซีนโควิด-19\" เดือน ก.พ. ในเด็กอายุ 5-11 ปี และ 10 จ. กระตุ้นเข็ม 3-4

 

  • จำนวนเป้าหมายในการฉีดโดยรวมเดือน ก.พ. 65

 

ประชากรอายุ 18 ปีขึ้นไป ไม่เคยได้รับวัคซีน (เข็ม 1-2) จำนวน 0.5 ล้านราย

สูตร แอสตร้าเซนเนก้า – แอสตร้าเซนเนก้า

แอสตร้าเซนเนก้า – ไฟเซอร์

วัคซีน แอสตร้าเซนเนกก้า 0.5 ล้านโดส และ ไฟเซอร์ 0.5 ล้านโดส

 

ประชากรอายุ 12-17 ปี ไม่เคยได้รับวัคซีน (เข็ม 1-2) จำนวน 0.05 ล้านราย

สูตรวัคซีน ไฟเซอร์ – ไฟเซอร์ (ฝาม่วง) จำนวน 0.1 ล้านโดส

เด็กอายุ 5-11 ปี ที่มี 7 กลุ่มโรคเรื้อรังและนักเรียนระดับป.5-6 (เข็ม 1) จำนวน 1 ล้านราย

สูตรวัคซีน ไฟเซอร์ – ไฟเซอร์ (ฝาส้ม) จำนวน 0.1 ล้านโดส

 

เข็มกระตุ้นในผู้ที่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ ประชาชนทั่วไป กลุ่มเสี่ยง ผู้ประกันตน จำนวน 8 ล้านราย

สูตรวัคซีน ซิโนแวค – แอสตร้าเซนเนก้า – แอสตร้าเซนเนก้า

แอสตร้าเซนเนก้า – แอสตร้าเซนเนก้า – ไฟเซอร์

จำนวนวัคซีน แอสตร้าเซนเนก้า 6 ล้านโดส และ ไฟเซอร์ 2 ล้านโดส

 

เข็มกระตุ้นผู้ที่เคยติดเชื้อ จำนวน 0.5 ล้านราย

สูตรวัคซีน แอสตร้าเซนเนก้า

จำนวนวัคซีน 0.5 ล้านโดส

 

สำรองสำหรับตอบโต้การระบาด จำนวน 1 ล้านราย

สูตรวัคซีน แอสตร้าเซนเนก้า

จำนวนวัคซีน 1 ล้านโดส

 

**รวมทั้งหมด 11.6 ล้านโดส แบ่งเป็น แอสตร้าเซนเนก้า 8 ล้านโดส ไฟเซอร์ 3.6 ล้านโดส

 

เปิดแผน \"วัคซีนโควิด-19\" เดือน ก.พ. ในเด็กอายุ 5-11 ปี และ 10 จ. กระตุ้นเข็ม 3-4

 

3. แผนการส่งคืนวัคซีนแลกเปลี่ยนคืนต่างประเทศ

ㆍส่งคืนประเทศสิงคโปร์ และภูฏาน อยู่ระหว่างการดำเนินการ

4. แผนการบริจาควัคซีนแก่ต่างประเทศ (กระทรวงการต่างประเทศนำเสนอรายละเอียดเพิ่มเติม)

ㆍ ประเทศเพื่อนบ้านและประเทศในทวีปแอฟริกา ผ่านโครงการ African Vaccine Association Trust (AVAT) หรือ องค์การอนามัยโลก ดำเนินการร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ

 

เปิดแผน \"วัคซีนโควิด-19\" เดือน ก.พ. ในเด็กอายุ 5-11 ปี และ 10 จ. กระตุ้นเข็ม 3-4