ส่องแผนเปิดระบบ "Test & Go" เข้าได้ทุกประเทศ 1 ก.พ. นี้
ศบค. เปิดลงทะเบียนเข้าประเทศ ในระบบ "Test & Go" เข้าได้ทุกประเทศ เริ่ม 1 ก.พ. 65 ปรับการตรวจ RT-PCR เป็น 2 ครั้ง ย้ำมาตรการ หลักฐานจองโรงแรม ตรวจสอบ กำกับ ติดตามเข้มงวด
หลังจากที่ ศบค. ได้มีการระงับการลงทะเบียนเข้าราชอาณาจักร ในระบบ Test & Go จากผู้เดินทาง 63 ประเทศไปเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2564 และล่าสุด เริ่มมีการปลดล็อกให้สามารถลงทะเบียนในระบบดังกล่าวได้เริ่ม 1 ก.พ. 65 นี้ ซึ่งอนุญาตให้เข้าได้ทุกประเทศ
วันนี้ (28 ม.ค. 65) พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. กลุ่าวถึงประเด็นเปิด ลงทะเบียนเข้าประเทศ ในระบบ Test & Go ในวันที่ 1 ก.พ. 65 โดยระบุว่า ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยว หรือคนไทยที่เดินทางกลับ ต้องมีกระบวนการต้องประเมิน ตรวจสอบคุณสมบัติ ไม่เกิน 7 วัน และอนุญาตให้เดินทางได้
- แผนการเปิดรับผู้เดินทางระบบ Test & Go
เริ่มลงทะเบียนฯ ได้ 1 กุมภาพันธ์ 2565
1. อนุญาตเข้ามาได้ทุกประเทศ
2. ปรับการตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง มีหลักฐานการจองโรงแรมที่พักในวันแรก และในวันที่ 5 โดยเป็นโรงแรมที่มีโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการ (SHA++ AQ 0Q หรือ AHQ) มีหลักฐานชำระเงินการตรวจหาเชื้อจำนวน 2 ครั้ง
3. จัดระบบการตรวจสอบ และกำกับการเข้าที่พัก และตรวจหาเชื้อให้ครบสองครั้ง โดยต้องอยู่รอในที่พัก/สถานที่ที่กำหนด จนได้รับผลการตรวจ
4. กำหนดระบบประกันให้ชัดเจน กรณีประกันไม่ครอบคลุม ผู้เดินทางจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของ Hospital HospiteVHotel Isolation และกรณีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง (HRC) เอง
5. กรณีเกิดการระบาดมากขึ้น หรือสถานการณ์เปลี่ยนแปลง พิจารณาการรับผู้เดินทางแล้วปรับมาใช้ระบบพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (Sandbox)
อย่างไรก็ตาม การประเมินต้องมีความเข้มงวด กรมควบคุมโรค ต้องตรวจสอบการฉีดวัคซีนครบ รวมทั้ง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมด้วยช่วยกันกับที่พัก สถานประกอบการ ต้องตรวจสอบว่าเขาได้มีการชำระค่าที่พักถูกต้องหรือไม่ โรงแรมเป็น SHA+ หรือไม่ และนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้ามาได้ นักท่องเที่ยวต้องถูกกำหนดมาตรการเข้มงวด ปฏิบัติมาตรการตามที่สาธารณสุขกำหนด มีการตรวจ RT-PCR ซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ต้องทำให้ได้ 100%
"ปัจจุบัน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานว่ามีโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการที่ให้บริการตรวจ RT-PCR ได้ถึง 30 กว่าแห่งทั่วประเทศ ดังนั้น จะให้เหตุผลว่าไม่ได้ตรวจเพราะเดินทางไปจังหวัดอื่นไม่ได้ ต้องมีการกำกับโดยพื้นที่อย่างเข้มงวดและเมื่อมีการตรวจพบติดเชื้อ นักท่องเที่ยวจะมีประกันคุ้มครองการรักษาเบ็ดเสร็จ" ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าว
- ชวนสถานประกอบการ ลงทะเบียน SHA+
ฝากไปยังสถานประกอบการที่เป็น SHA+ ตอนนี้มีประมาณ 2,000 กว่าแห่งทั่วประเทศ ถือว่าไม่มาก และยังสามารถลงทะเบียนเพิ่มเติมได้ หลักง่ายๆ คือ บุคลากร ผู้ให้บริการ จะต้องฉีดวัคซีน 100% รวมทั้งมีโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการในการตรวจ RT-PCR แก่นักท่องเที่ยว และหากผลเป็นบวก โรงพยาบาลจะเข้ามาช่วยดูแลกระบวนการเข้าสู่ระบบการรักษา
ที่ผ่านมา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลมาตรการต่าง ของนักท่องเที่ยวกับโรงแรมและพื้นที่ ขอบคุณที่ให้ความร่วมมืออย่างดี สิ่งสำคัญฝากให้กับพี่น้องประชาชน หากจะอยู่กับโควิดให้ได้อย่างปลอดภัย ขณะที่เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้ ต้องฝากพี่น้องประชาชนเป็นหูเป็นตา
"นอกจากดูแลสุขภาพตัวเอง คนใกล้ชิดแล้ว หากเจอนักท่องเที่ยวไม่ปฏิบัติตามกฎไม่สวมหน้ากาก หรือสถานบริการทำผิดหละหลวมมาตรการ ไม่กำกับติดตามเข้มงวด ตามระเบียบของ COVID Free setting หรือสถานบริการปลอดโควิด ประชาชนถือเป็นกระบวกเสียงสำคัญ รวมถึงสื่อมวลชนในพื้นที่เพื่อให้ทุกคนปลอดภัย ตัวท่านเองและครอบครัวก็จะปลอดภัยเช่นกัน"
- เปิดประเทศ ม.ค. ติดเชื้อสะสม
รายงานจำนวนผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ จำแนกตามประเภท ตั้งแต่วันที่ 1 - 27 ม.ค. 65 สะสม 170,479 ราย ติดเชื้อสะสม 6,194 ราย คิดเป็น 3.63% แบ่งเป็น
ระบบ Test & Go เดินทางเข้า 69,488 ราย ติดเชื้อ 2,652 ราย คิดเป็น 382%
ระบบแซนด์บ็อกซ์ เดินทางเข้า 70,593 ราย ติดเชื้อ 2,867 ราย คิดเป็น 4.06%
ระบบกักตัว เดินทางเข้า 30,398 ราย ติดเชื้อ 675 ราย คิดเป็น 2.22%