"ศบค." เผย โควิดระลอก ม.ค. 65 เด็ก 5-11 ปี ติดเชื้อ 6.6%
"ศบค." เผย อัตราการติดเชื้อในเด็ก 5-11 ปี ระลอกล่าสุด ม.ค. 65 เพิ่มเป็น 6.6% จากระลอกแรก ปลายปี 63 ซึ่งอยู่ที่ 1.4% ทิศทางเดียวกันกับวัยรุ่น 12-17 ปี การติดเชื้อระลอกล่าสุด เพิ่มเป็น 5.9% จากระลอกแรกซึ่งอยู่ที่ ระลอกแรก 1.8% ด้าน อย.อนุมัติวัคซีนเชื้อตายในเด็ก 6 ปีขึ้นไป
วันนี้ (7 ก.พ. 65) ที่ทำเนียบรัฐบาล “พญ.สุมนี วัชรสินธุ์” ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค แถลงข่าวจาก ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. โดยระบุว่า ตั้งแต่มีการระบาดโควิดในประเทศไทย 2563 เป็นต้นมา ถึง 2 ก.พ. 65 กรมควบคุมโรค มีการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้ติดเชื้อ แยกตามอายุ และ ช่วงเวลาของการระบาด พบว่า อัตราการติดเชื้อในเด็ก 5-11 ปี ได้แก่
ระลอกแรก ปลายปี 63 อยู่ที่ 1.4%
ระลอก 2 ตั้งแต่ต้นปี 64 ถึงก่อนมี.ค. 64 อัตราการติดเชื้อ 1% ลดลง
ระลอก 3 เม.ย. 64 เป็นการระบาดใหญ่ในประเทศ อัตราการติดเชื้อในเด็กพุ่ง 6.2%
ล่าสุด ระลอก ม.ค. 65 โอมิครอน การติดเชื้อในเด็กเพิ่ม 6.6%
เป็นไปตามทิศทางเดียวกันกับวัยรุ่น 12-17 ปี ตั้งแต่แพร่ระบาดในปลายปี 63 ดังนี้
ระลอกแรก 1.8%
ระลอก 2 ลดลงมาเหลือ 1.4%
ระลอก 3 ขึ้นไป 5.6%
ระลอกล่าสุด เพิ่มเป็น 5.9%
โดยสรุป ในกลุ่มเด็ก 5-17 ปี มีการติดเชื้อเพิ่มเมื่อเทียบกับปี 63-64 ซึ่งตอนนี้มีการเร่งรัดฉีดวัคซีน 5-11 ปี และ 12-17 ปี มากขึ้น
- อนุมัติ "วัคซีนเชื้อตาย" เด็ก 6 ปีขึ้นไป
พญ.สุมนี กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้นอกจากอนุมัติ ไฟเซอร์ (ฝาส้ม) ในเด็กเล็ก 5-11 ปี และ ไฟเซอร์ (ฝาม่วง) 12-17 ปี ล่าสุด อย. อนุมัติ ให้ใช้ ซิโนแวค และ ซิโนฟาร์ม ในเด็กอายุ 6-17 ปี ได้ เมื่อวันศุกร์ที่ 4 ก.พ. ผ่านมา
- คำแนะนำฉีดวัคซีน 5-17 ปี
นอกจากนี้ มีการเข้าที่ประชุม EOC เช้าวันนี้ ในเรื่องสูตร และขนาดที่จะให้ มีข้อสรุปดังนี้
- 5-11 ปี ฉีดแล้ว 4.4 หมื่นราย
สำหรับ วัคซีน “ไฟเซอร์” ที่ไทยได้เริ่มฉีดให้กลุ่มเด็กป่วยเมื่อ 31 ม.ค. 65 ขณะนี้ฉีดแล้ว 4.4 หมื่นราย และวันนี้เป็นวันแรกที่เริ่มฉีดให้เด็กสุขภาพดี 5-11 ปี ขอให้ผู้ปกครอง ติดตามข่าวสารในการฉีดวัคซีนให้เด็ก เพื่อบุตรหลานได้รับวัคซีน
- ลงทะเบียน Test & Go เข้าไทย 1.5 หมื่นรายต่อวัน
พญ.สุมนี กล่าวต่อไปถึงการเปิดลงทะเบียน Test & Go ตั้งแต่ 1 ก.พ. 65 โดยระบุว่า หลังจากมีการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ครั้งล่าสุด มีมาตรการผ่อนคลายให้กลับมาลงทะเบียน Test & Go ในวันที่ 1 ก.พ. 65 พบว่า ขณะนี้ มีผู้ขออนุมัติ Test & Go ต่อวันราว 15,000 กว่าราย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะส่วนมาก จะมาในระบบ Test & Go มากกว่าระบบอื่นๆ
ทั้งนี้ การขอเข้ามา ต้องผ่านระบบ Thailand pass โดยผู้ดูแลจะเป็นกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ โดยพิจารณาหลักฐานที่สำคัญ คือ การจองโรงแรม ที่ได้มาตรฐาน SHA Extra Plus ที่ต้องมี รพ. คู่ปฏิบัติการที่สามารถตรวจ RT-PCR ให้กับนักท่องเที่ยวได้ 2 ครั้ง คือ วันแรก กับ วันที่ 5
นอกจากนี้ ผู้เข้ามาต้องฉีดวัคซีนที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก ครบ 2 เข็ม โดยขั้นตอนนี้ ผู้ช่วยตรวจ คือ กรมควบคุมโรค หากหลักฐานทั้งสองครบแล้ว จะส่งกลับไปที่กรมการกงสุล เพื่อให้มีการพิจารณาหลักฐานอื่นๆ เช่น หลักฐานการทำประกันชีวิต อย่างน้อย 50,000 ดอลลาร์ และครอบคลุมการรักษา หากผลเป็นบวกในไทย แต่ไม่มีอาการ เป็นต้น เพราะฉะนั้น กรมการกงสุล จะสามารถออกคิวอาร์โค้ดให้ได้
เมื่อหลักฐานทุกอย่างผ่าน ในกรณีที่มีการติดขัด ต้องแจ้งให้ทราบว่า ต้องใช้เวลาในการตรวจ 7 – 14 วัน หากมีข้อสงสัย สามารถติดต่อไปที่กรมการกงสุล และหากอยู่ในต่างประเทศ สามารถติดต่อ สถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ในประเทศที่พำนัก