เปิดประสิทธิผลหลังใช้จริง "วัคซีนโควิด19" ฉีดเข็ม 3 ต่อโอมิครอน
สธ.เปิดประสิทธิผลวัคซีนโควิด19 หลังใช้จริงในไทย ช่วงโอมิครอนระบาดเชียงใหม่ ฉีด 2 เข็มป้องกันติดเชื้อเป็น 0 ยังป้องกันป่วยรุนแรง/ตายได้สูง ส่วนฉีดเข็ม 3 ป้องกันติดเชื้อ 68 % -ป้องกันป่วยรุนแรง/ตายได้ 96 % ทุกสูตรไม่ต่าง
เมื่อวันที่ 7 ก.พ.2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ในการแถลงข่าวสถานการณ์โควิด19 นพ.ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า การประเมินประสิทธิผลใช้จริงของวัคซีนโควิด19 ข้อมูลระดับประเทศ และเชียงใหม่ โดยดำเนินการศึกษาในผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่สัมผัสผู้ติดเชื้อ และตรวจสอบว่าผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่ติดเชื้อมีประวัติรับวัคซีนเป็นอย่างไร เปรียบเทียบกับผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่ไม่ติดเชื้อมีประวัติรับวัคซีนและอาการรุนแรงอย่างไร
ผลเบื้องต้น ประสิทธิผลใช้จริงระดับประเทศช่วงเดือนก.ค.-ธ.ค.2564 เป็นช่วงที่ประเทศไทยเผชิญกับการระบาดของโควิด19สายพันธุ์เดลตา และปลายธ.ค. 2564 ที่เจอสายพัยธุ์โอมิครอนเล็กน้อย พบว่า
ผู้ที่ฉีดวัคซีน 2 เข็ม ป้องกันติดเชื้อ 65 % ป้องกันป่วยรุนแรง/ตาย 88 %
ผู้ที่ฉีดวัคซีน 3 เข็ม ป้องกันติดเชื้อ 94 % ป้องกันป่วยรุนแรง/ตาย 98 %
เมื่อแยกเป็นรายเดือน พบว่า
ก.ค.2564 ฉีด 2 เข็ม ป้องกันติดเชื้อ 81 % ป้องกันป่วยรุนแรง/ตาย 89% ฉีด 3 เข็ม ป้องกันติดเชื้อ 82 %
ส.ค.2564 ฉีด 2 เข็ม ป้องกันติดเชื้อ 69 % ป้องกันป่วยรุนแรง/ตาย 89 % ฉีด 3 เข็ม ป้องกันติดเชื้อ 97% ป้องกันป่วยรุนแรง/ตาย 94%
ก.ย.2564 ฉีด 2 เข็ม ป้องกันติดเชื้อ 64% ป้องกันป่วยรุนแรง/ตาย 88% ฉีด 3 เข็ม ป้องกันติดเชื้อ95 % ป้องกันป่วยรุนแรง/ตาย 98%
ต.ค. 2564 ฉีด 2 เข็ม ป้องกันติดเชื้อ 59% ป้องกันป่วยรุนแรง/ตาย 89% ฉีด 3 เข็ม ป้องกันติดเชื้อ 92% ป้องกันป่วยรุนแรง/ตาย 99 %
พ.ย. 2564 ฉีด 2 เข็ม ป้องกันติดเชื้อ 57% ป้องกันป่วยรุนแรง/ตาย 88% ฉีด 3 เข็ม ป้องกันติดเชื้อ 92 %
ธ.ค.2564 ฉีด 2 เข็ม ป้องกันติดเชื้อ 50% ป้องกันป่วยรุนแรง/ตาย 79% ฉีด 3 เข็ม ป้องกันติดเชื้อ 90 % ป้องกันป่วยรุนแรง/ตาย 96%
“ภาพรวมจะเห็นว่าในผู้ที่ฉีดวัคซีน 2 เข็ม การป้องกันติดเชื้อในช่วงก.ค.-ธ.ค.จะลดลงจาก 81 % เหลือ 50 % ส่วนป้องกันป่วยรุนแรง/ตาย ลดลงเล็กน้อยจาก 89 % เหลือ 79 % ซึ่งการฉีด2เข็มจะเห็นว่าอาจป้องกันติดเชื้อได้สูงในช่วงแรก แต่จะลดลงเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง กรณีป้องกันป่วยรุนแรงยังดีต่อเนื่อง ส่วนการฉีดเข็ม 3 การป้องกันติดเชื้อ ยังาสูงต่อเนื่องเกือบ 90 % ส่วนป้องกันป่วยรุนแรง/ตายยังสูงต่อเนื่อง 94- 96% ซึ่งเป็นข้อมูลวัคซีนของประเทศไทย ตามสูตรที่สธ.แนะนำ”นพ.ทวีทรัพย์กล่าว
นพ.ทวีทรัพย์ กล่าวอีกว่า สำหรับผลเบื้องต้นประสิทธิผลใช้จริงวัคซีนโควิด19 จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นข้อมูลการศึกษาในจ.เชียงใหม่ที่เผชิญการระบาดช่วงต.ค.-พ.ย. และคุมได้ในเดือนธ.ค. และม.ค.ระบาดใหม่ส่วนใหญ่เป็นโอมิครอน โดยเปรียบเทียบกับช่วงที่เดลตาระบาด ต.ค.-ธ.ค.2564 และโอมิครอนช่วงม.ค. ในแง่ประสิทธิผลวัคซีน พบว่า
ฉีด 2 เข็ม ต.ค.-ธ.ค.2564 ช่วงเดลตา ป้องกันติดเชื้อ 71 % ป้องกันเสียชีวิต 97 % ม.ค.2565 ช่วงโอมิครอน ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้เลยหรือเป็น 0 % ป้องกันเสียชีวิตได้ 89 %
ฉีด 3 เข็ม ช่วง ต.ค.-ธ.ค.2564 ช่วงเดลตาระบาด ทุกสูตรตามคำแนะนำของสธ.ทั้ง ซิโนแวค 2 เข็ม กระตุ้นเข็ม3ด้วย แอสตร้าฯ, ซิโนแวค 2 เข็ม กระตุ้นเข็ม3ด้วยไฟเซอร์,ซิโนฟาร์ม 2 เข็ม กระตุ้นเข็ม3ด้วยไฟเซอร์, สูตรไขว้ซิโนแวคตามด้วยแอสตร้าฯกระตุ้นเข็ม3ด้วย แอสตร้าฯ และแอสตร้าฯ2เข็มกระตุ้นเข็ม3ด้วยไฟเซอร์ ป้องกันติดเชื้อ 93 % ป้องกันเสียชีวิต 99 %
ช่วงม.ค.2565 ช่วงโอมิครอนระบาด ป้องกันการติดเชื้อ โดยเฉลี่ยทุกสูตรไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 68 % แยกเป็น
ซิโนแวค 2 เข็ม กระตุ้นเข็ม3ด้วย แอสตร้าฯ ป้องกันติดเชื้อ 78 %
ซิโนแวค 2 เข็ม กระตุ้นเข็ม3ด้วยไฟเซอร์ ป้องกันติดเชื้อ 63 %
ซิโนฟาร์ม 2 เข็ม กระตุ้นเข็ม3ด้วยไฟเซอร์ ป้องกันติดเชื้อ 66%
สูตรไขว้ซิโนแวคตามด้วยแอสตร้าฯ กระตุ้นเข็ม3ด้วย แอสตร้าฯ ป้องกันติดเชื้อ 68 %
และแอสตร้าฯ2เข็ม กระตุ้นเข็ม3ด้วยไฟเซอร์ ป้องกันติดเชื้อ 62%
ส่วนป้องกันเสียชีวิตทุกสูตร 96 %
นพ.ทวีทรัพย์ กล่าวอีกว่า โดยสรุปวัคซีนครบ 2 เข็มขึ้นไป มีประสิทธิผลป้องกันต่อการป่วยรุนแรง/การเสียชีวิตได้สูงมากต่อเนื่อง ส่วนประสิทธิผลป้องกันการติดเชื้อจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป และไม่เพียงพอที่จะป้องกันต่อการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน จำเป็นต้องฉีดเข็ม 3 กระตุ้น ส่วนการฉีดเข็ม 3 กระตุ้น เพิ่มประสิทธิผลการป้องกันให้สูงขึ้น โดยโควิดสายพันธุ์โอมิครอนสามารถป้องกันเสียชีวิตได้สูงมาก และป้องกันการติดเชื้อได้สูงพอควร โดยการกระตุ้นด้วยวัคซีนชนิดไวรัลแว็กเตอร์หรือmRNAมีผลไม่ต่างกัน
การควบคุมการระบาดโควิด19 สายพันธุ์โอมิครอนให้มีประสิทธิผลสูงสุด ต้องใช้ร่วมกันใช้มาตรการผสมผสาน คือ การระดมฉีดวัคซีนเข็ม 3 สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และค้นหาบุคคลที่ไม่ได้วัคซีนเลยมารับบริการ การเฝ้าระวัง/ตรวจค้นหาการติดเชื้อที่รวดเร็ว และการติดตามกำกับจุด/สถานที่เสี่ยงระบาดใหญ่วงกว้าง และการร่วมมือต่อเนื่องในมาตรการ Universal Prevention ,Covid-Free Settings และตรวจATK หากมีอาการหรือมีความเสี่ยง