สธ.ตั้งเป้า 4 เดือนจากนี้ ไทยหลุดพ้นการระบาดใหญ่โควิด19 สู่โรคประจำถิ่น
สธ.ตั้งเป้า 4 เดือนจากนี้ ไทยหลุดพ้นจากการระบาดใหญ่โควิด19 สู่การเป็นโรคประจำถิ่น ระบุยอดป่วยหนัก-เสียชีวิตต่ำกว่าระลอกก่อน 10 เท่า เร่งวัคซีนเข็ม 3 กลุ่มเสี่ยง กางบัญชีรายชื่อตามตัวเข้ารับการฉีด เพิ่มได้ถึง 60-70 % ยอดเสียชีวิตรายวันจะลดลงอีกถึง 50 %
เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์สถานการณ์โควิด19ว่า สธ.ตั้งเป้าอีก 4 เดือนนับจากนี้ ประเทศไทยจะหลุดพ้นจากการระบาดใหญ่(Pandemic)ของโลกโควิด19 สู่การเป็นโรคประจำถิ่น(Endemic) โดยจากการสอบถามผู้เชี่ยวชาญ ลักษณะสภาพของโรคตอนนี้ ความรุนแรงลดลง เพียงแต่จำนวนผู้ติดเชื้อแม้จะเพิ่มขึ้น เพราะลักษณะของโรคแพร่เร็ว ทำให้เห็นตัวเลขผู้ป่วยปอดอักเสบเพิ่มตามสัดส่วนผู้ติดเชื้อเพิ่ม แต่เมื่อเทียบสัดส่วนผู้ป่วยปอดอักเสบ ผู้เสียชีวิตกับช่วงที่ผ่านมาแล้วลดลง ทั้งนี้ จะมีการแถลงแผนบริหารจัดการที่จะนำสู่การเป็นโรคประจำถิ่นอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ครม.ให้กลับมาทบทวนกรณีสธ.จะออกประกาศกำหนดให้ผู้ติดโควิด19 กลุ่มสีเขียวไม่เป็นผู้ป่วยฉุกเฉินรักษาฟรีได้ทุกที่(UCEP โควิด19) แต่ให้รักษาฟรีตามสิทธิ์เหมือนปกติ นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า มอบให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) อย่างไรก็ตาม มีการจ่ายงบประมาณค่าบริการโควิด19เป็นแสนล้านบาท เป็นหน่วยบริการภาครัฐ ราว 70,000 ล้านบาท และเอกชน ราว 27,000 ล้านบาท และสัดส่วน 88 %จ่ายให้สำหรับค่ารักษาผู้ติดเชื้อกลุ่มอาการสีเขียว คือ ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย และในส่วนของการผู้แลผู้ติดเชื้อต่างด้าวอีกราว 4,000-5,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาจำเป็นต้องนำผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเขียวเข้าอยู่ในรพ. เพราะอาการเปลี่ยนแปลงไปสู่สีแดงได้ง่าย แต่ในสายพันธุ์โอมิครอน มีมากกว่า 90 %ที่ไม่มีอาการ โดยเฉพาะในวัยหนุ่มสาว
ทางการแพทย์จึงแนะนำให้ผู้ที่ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการหรืออาการน้อยกลุ่มสีเขียวให้เข้ารับการดูแลที่บ้าน(Home Isolation:HI)หรือศูนย์ชุมชน(Community Isolation:CI)หากสภาพบ้านไม่เอื้ออำนวย ซึ่งปัจจุบันจำนวนผู้ติดเชื้อที่อยู่ในระบบนี้ราว 60 % มากกว่าอยู่ในรพ.แล้ว แต่ตั้งเป้าให้ได้ 90 %ตามอัตราผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ เพื่อจะได้ให้รพ.ดูแลผู้ป่วยโรคอื่นๆด้วย ไม่ใช่แค่โควิด19อย่างเดียว
“กำลังจะมีการปรับจำนวนวันดูแลผู้ติดเชื้อ และวันกักตัวของผู้สัมผัสเสี่ยงสูง รวมถึง การกำหนดให้ผู้ติดเชื้อที่มีอาการป่วยสีเหลืองและแดงยังใช้สิทธิUCEPโควิด19 เข้ารับการรักษาฟรีได้ทุกที่ ส่วนผู้ที่ไม่มีอาการหรืออาการน้อยเป็นกลุ่มสีเขียว เข้ารับการรักษาได้ฟรีตามสิทธิ์ที่มีอยู่ คือ บัตรทอง ประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการ ซึ่งต่อไปกลุ่มนี้จะไม่สามารถเดินเข้าไปในรพ.เอกชนแล้วรักษาได้ทุกแห่ง แต่จะรักษาได้ฟรีในรพ.ตามที่มีสิทธิ์เหมือนระบบปกติที่มีอยู่แล้ว”นพ.เกียรติภูมิกล่าว
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวอีกว่า ผู้เสียชีวิตขณะนี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเสี่ยง ที่เป็นผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว และหญิงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะผู้ที่ยังไม่ได่รับวัคซีน รับวัคซีนไม่ครบ เพราะฉะนั้น สธ.จะร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทย(มท.)ในการค้นหาตามทะเบียนเพื่อนำมาเข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งกลุ่มผู้สูงอายุขณะนี้เข้ารับเข็ม1 และ 2 แล้ว 80 % เท่ากัน ส่วนเข็ม 3 อยู่ที่ 30 % จึงต้องเร่งดำเนินการให้เข้ารับเข็ม 3 มากขึ้น เพื่อลดป่วยหนักและตาย
ด้านนพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง และโฆษกสธ. กล่าวว่า เมื่อเทียบผู้ติดเชื้อที่มีอาการป่วยหนักและเสียชีวิตในช่วงก่อนหน้า พบว่าขณะนี้ต่ำกว่าถึง 10 เท่า และหากสามารถฉีดวัคซีนเข็ม 3 ในผู้สูงอายุได้ครอบคลุมถึง 60-70 % ทางวิชาการพบว่าจะลดจำนวนผู้เสียชีวิตต่อวันจากปัจจุบันลงอีกถึง 50 % จากตอนนี้ที่อยู่ราว 30-40 รายต่อวัน