ไทยบริจาควัคซีนโควิด19 ให้โคแวกซ์ 5 ล้านโดส

เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณีผู้ติดโควิด19 ติดต่อผ่านสายด่วน 1330 เพิ่มเป็นจำนวนมากในแต่ละวันว่า ได้สั่งการให้มีการเพิ่มคู่สายรองรับมากขึ้น และหาวิธีการให้คนได้ลงทะเบียนเข้าระบบมากขึ้น รวมทั้งมอบหมายให้อธิบดีทุกกรมที่มีสายด่วนเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเพิ่มช่องทางให้บริการ ซึ่งนโยบายการรักษาในระบบผู้ป่วยนอกหรือ OPD เจอ-แจก-จบ เป็นอีกแนวทางที่พยายามคลายปัญหาคอขวดผู้ติดเชื้อระดับสีเขียวที่มากขึ้นขณะนี้ ซึ่งส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง สามารถมารักษาผ่านระบบ OPD ได้ เมื่อแพทย์วินิฉัยแล้วจ่ายยาและจบกลับไปดูแลตนเองที่บ้านได้ภายใน 5-10 วัน ทั้งนี้ต้องสื่อสารให้คนมีความเข้าใจโรคมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เร่งฉีดวัคซีนรวมถึงบูสต์เตอร์โดส ปีนี้มีปัญหาเรื่องการสื่อสารและการตอบรับแค่ประเด็นเดียว ไม่เหมือนปีที่ผ่านมาที่มีหลายปัญหาที่ต้องแก้ไข

เมื่อถามว่าปัญหาส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่กทม.จะมีการประสานกทม.อย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า สธ.ต้องดูแลระบบสาธารณสุขทั้งประเทศ ก็พยายามแก้ปัญหาและหาวิธีการช่วยเหลือสนับสนุนภายใต้อำนาจหน้าที่อย่างเต็มที่  ซึ่งกทม.เป็นพื้นที่เขตปกครองพิเศษ สธ.ไม่มีอำนาจไปสั่งการ แต่สามารถสนับสนุนการช่วยเหลือได้ ไม่ใช่ช่วยกทม.แต่เป็นการช่วยประชาชน 

         นายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการแถลงข่าวจัดงาน “Thailand International Health Expo 2022”ว่า  ประเทศไทยได้แจ้งองค์การอนามัยโลกหรือฮู(WHO)ว่าประสงค์และมีความพร้อมที่จะมีส่วนร่วมทในโครงการโคแวกซ์  โดยจะบริจาควัคซีนโควิด19ผ่านโครงการโคแวกซ์ ซึ่งแม้ประเทศไทยไม่ได้เข้าร่วมในฐานะผู้รับบริจาคในปีที่ผ่านมา แต่จะเข้าร่วมในฐานะผู้ให้หรือผู้บริจาค ซึ่งผู้อำนวยการฮูระบุว่าให้บริจาคไปยังประเทศแถบแอฟริกา นอกหนือจากการบริจาคให้ประเทศในกลุ่มอาเซียนแล้ว ทั้งนี้ ครม.ได้เห็นชอบให้มีการบริจาคไปยังประเทศที่คิดว่ายังเข้าไม่ถึงวัคซีน จำนวน 5 ล้านโดส 

    “ใครที่เคยบอกว่าประเทศไทยไม่เข้าร่วมโคแวกซ์ อยากให้เห็นว่าแม้ไม่ได้เข้าร่วมในฐานะผู้รับบริจาค แต่ไทยเข้าร่วมในฐานะผู้ให้ ซึ่งไทยก็เป็นทั้งผู้ให้ผ่านโคแวกซ์ และผู้รับจากประเทศต่างๆที่บริจาคช่วยเหลือมาด้วย นอกจากนี้ ในส่วนของการจัดซื้อจัดหาวัคซีนโควิด19ในปีนี้ ยืนยันว่ามีมากเพียงพอในการฉีดให้กับคนไทย แรงงานในไทย หรือผู้ที่อยู่ในประเทศไทยทุกคน”นายอนุทินกล่าว 

    ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีโรงเรียนบางแห่งกำหนดให้เด็กที่จะเข้าสอบคัดเลือกต้องมีผลตรวจ ATK ลงหมอพร้อมที่มีสถานพยาบาลรับรองว่า เน้นย้ำไม่มีการบังคับให้ตรวจ ATK ก่อนสอบ เป็นไปตามนโยบายของรองนายกฯ และรมว.สธ.รวมทั้งเด็กที่ติดเชื้อและสัมผัสเสี่ยงสูง ต้องจัดห้องสอบแยกให้ต่างหาก บางโรงเรียนที่มีการกำหนดเข้าใจว่าอาจจะเป็นประกาศที่เกิดขึ้นก่อนหน้า แต่ตอนนี้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขได้หารือและกำหนดเป็นนโยบยชัยเจนแล้ว ซึ่งทุกหน่วยก็ต้องปฏิบัติตาม
///////////////////////