ราชกิจจานุเบกษา ประกาศคำสั่งศบค.แบ่งโซนพื้นที่โควิด มีผล 1 เม.ย.นี้
ราชกิจจานุเบกษา ประกาศคำสั่งศบค. แบ่งโซนพื้นที่โควิด-19 เป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่นําร่องด้านการท่องเที่ยว โดยเริ่มมีผล 1 เม.ย.นี้
วานนี้ (30 มี.ค.2565) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศเผยแพร่คำสั่งศบค. ลงนามโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการแบ่งพื้นที่โซนสีโควิด-19 เพื่อควบคุมสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2565 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคําสั่งเปลี่ยนแปลง เป็นอย่างอื่น
โดยมี เนื้อหา ดังนี้
คําสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ที่ 6/2565 เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กําหนดเป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูงและพื้นที่นําร่องด้านการท่องเที่ยว
ตามข้อกําหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ตามที่ได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว ออกไปอย่างต่อเนื่องเป็นระยะนั้น
เพื่อให้การบริหารจัดการและเตรียมความพร้อมในการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 ตามแนวทางการจัดเขตพื้นที่สถานการณ์ตามข้อกําหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
อาศัยอํานาจตามความในข้อ 4 (2) ของคําสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 4/2563 เรื่อง แต่งตั้งผู้กํากับ การปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2563 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
- นายกฯ มีคำสั่งแบ่งโซนพื้นที่โควิด-19
นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อํานวยการศูนย์บริหาร สถานการณ์โควิด - 19 โดยคําแนะนําของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด - 19 และศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย
จึงมีคําสั่งให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและพนักงาน เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามมาตรการตามข้อกําหนดฯ สําหรับเขตพื้นที่สถานการณ์ที่กําหนด เป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่นําร่องด้านการท่องเที่ยว ตามบัญชีรายชื่อจังหวัดแนบท้าย คําสั่งนี้
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2565เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคําสั่งเปลี่ยนแปลง เป็นอย่างอื่น
สั่ง ณ วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2565 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้อํานวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด – 19
- เปิดบัญชีรายชื่อจังหวัด พื้นที่ควบคุม 20 จังหวัด
สำหรับบัญชีรายชื่อจังหวัดที่กําหนดระดับของพื้นที่สถานการณ์เพื่อการบังคับใช้มาตรการควบคุมแบบบูรณาการ แนบท้ายคําสั่งศบค. ที่ 6/2565 หรือ โซนสีโควิด ดังกล่าว มีรายละเอียดดังนี้
พื้นที่ควบคุม รวมทั้งสิ้น 20 จังหวัด
- จังหวัดตาก
- จังหวัดนครนายก
- จังหวัดนครปฐม
- จังหวัดนครราชสีมา (ยกเว้นอําเภอเมืองนครราชสีมา อําเภอเฉลิมพระเกียรติ อําเภอโชคชัยอําเภอปากช่อง อําเภอพิมาย อําเภอวังน้ําเขียว และอําเภอสีคิ้ว)
- จังหวัดนครศรีธรรมราช
- จังหวัดบุรีรัมย์ (ยกเว้นอําเภอเมืองบุรีรัมย์)
- จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ยกเว้นเทศบาลเมืองหัวหิน เฉพาะตําบลหัวหินและตําบลหนองแก)
- จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ยกเว้นอําเภอพระนครศรีอยุธยา)
- จังหวัดพัทลุง
- จังหวัดพิจิตร
- จังหวัดพิษณุโลก
- จังหวัดระนอง (ยกเว้นเกาะพยาม)
- จังหวัดระยอง (ยกเว้นเกาะเสม็ด)
- จังหวัดราชบุรี
- จังหวัดสงขลา
- จังหวัดสมุทรปราการ (ยกเว้นบริเวณพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ)
- จังหวัดสมุทรสาคร
- จังหวัดสุราษฎร์ธานี (ยกเว้นเกาะเต่าเกาะพะงัน และเกาะสมุย
- จังหวัดอุดรธานี (ยกเว้นอําเภอเมืองอุดรธานี อําเภอกุมภวาปี อําเภอนายูง อําเภอบ้านดุง อําเภอประจักษ์ศิลปาคม และอําเภอหนองหาน)
- จังหวัดอุตรดิตถ์
พื้นที่เฝ้าระวังสูง 47 จังหวัด
- จังหวัดกาฬสินธุ์
- จังหวัดกําแพงเพชร
- จังหวัดขอนแก่น (ยกเว้นอําเภอเมืองขอนแก่น อําเภอเขาสวนกวาง อําเภอเปือยน้อย อําเภอพลอําเภอภูเวียง อําเภอเวียงเก่า และอําเภออุบลรัตน์)
- จังหวัดจันทบุรี (ยกเว้นอําเภอเมืองจันทบุรี และอําเภอท่าใหม่)
- จังหวัดฉะเชิงเทรา
- จังหวัดชัยนาท
- จังหวัดชัยภูมิ
- จังหวัดชุมพร
- จังหวัดเชียงราย (ยกเว้นอําเภอเมืองเชียงราย อําเภอเชียงของ อําเภอเชียงแสน อําเภอเทิง อําเภอพานอําเภอแม่จัน อําเภอแม่ฟ้าหลวง อําเภอแม่สาย อําเภอแม่สรวย อําเภอเวียงแก่น และอําเภอเวียงป่าเป้า)
- จังหวัดตรัง
- จังหวัดตราด (ยกเว้นอําเภอเกาะกูด และอําเภอเกาะช้าง)
- จังหวัดนครพนม
- จังหวัดนครสวรรค์
- จังหวัดนราธิวาส
- จังหวัดน่าน
- จังหวัดบึงกาฬ
- จังหวัดปราจีนบุรี
- จังหวัดปัตตานี
- จังหวัดเพชรบูรณ์
- จังหวัดแพร่
- จังหวัดพะเยา
- จังหวัดมหาสารคาม
- จังหวัดมุกดาหาร
- จังหวัดแม่ฮ่องสอน
- จังหวัดยะลา
- จังหวัดยโสธร
- จังหวัดร้อยเอ็ด
- จังหวัดลพบุรี
- จังหวัดลําปาง
- จังหวัดลําพูน
- จังหวัดเลย (ยกเว้นอําเภอเชียงคาน)
- จังหวัดศรีสะเกษ
- จังหวัดสกลนคร
- จังหวัดสตูล
- จังหวัดสมุทรสงคราม
- จังหวัดสระแก้ว
- จังหวัดสระบุรี
- จังหวัดสิงห์บุรี
- จังหวัดสุโขทัย
- จังหวัดสุพรรณบุรี
- จังหวัดสุรินทร์ (ยกเว้นอําเภอเมืองสุรินทร์ และอําเภอท่าตูม)
- จังหวัดหนองคาย (ยกเว้นอําเภอเมืองหนองคาย อําเภอท่าบ่อ อําเภอศรีเชียงใหม่ และอําเภอสังคม)
- จังหวัดหนองบัวลําภู
- จังหวัดอ่างทอง
- จังหวัดอุทัยธานี
- จังหวัดอุบลราชธานี
- จังหวัดอํานาจเจริญ
พื้นที่นําร่องด้านการท่องเที่ยว 26 จังหวัด
- กรุงเทพมหานคร
- จังหวัดกระบี่
- จังหวัดกาญจนบุรี
- จังหวัดขอนแก่น (เฉพาะอําเภอเมืองขอนแก่น อําเภอเขาสวนกวาง อําเภอเปื่อยน้อย อําเภอพล อําเภอภูเวียง อําเภอเวียงเก่า และอําเภออุบลรัตน์)
- จังหวัดจันทบุรี (เฉพาะอําเภอเมืองจันทบุรี และอําเภอท่าใหม่)
- จังหวัดชลบุรี
- จังหวัดเชียงราย (เฉพาะอําเภอเมืองเชียงราย อําเภอเชียงของ อําเภอเชียงแสน อําเภอเทิง อําเภอพาน อําเภอแม่จัน อําเภอแม่ฟ้าหลวง อําเภอแม่สาย อําเภอแม่สรวย อําเภอเวียงแก่น และอําเภอเวียงป่าเป้า)
- จังหวัดเชียงใหม่
- จังหวัดตราด (เฉพาะอําเภอเกาะกูด และอําเภอเกาะช้าง)
- จังหวัดนครราชสีมา (เฉพาะอําเภอเมืองนครราชสีมา อําเภอเฉลิมพระเกียรติ อําเภอโชคชัย อําเภอปากช่อง อําเภอพิมาย อําเภอวังน้ําเขียว และอําเภอสีคิ้ว)
- จังหวัดนนทบุรี
- จังหวัดบุรีรัมย์ (เฉพาะอําเภอเมืองบุรีรัมย์)
- จังหวัดปทุมธานี
- จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (เฉพาะเทศบาลเมืองหัวหิน เฉพาะตําบลหัวหินและตําบลหนองแก)
- จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (เฉพาะอําเภอพระนครศรีอยุธยา)
- จังหวัดพังงา
- จังหวัดเพชรบุรี
- จังหวัดภูเก็ต
- จังหวัดระนอง (เฉพาะเกาะพยาม)
- จังหวัดระยอง (เฉพาะเกาะเสม็ด)
- จังหวัดเลย (เฉพาะอําเภอเชียงคาน)
- จังหวัดสมุทรปราการ (เฉพาะบริเวณพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ)
- จังหวัดสุราษฎร์ธานี (เฉพาะเกาะเต่า เกาะพะงัน และเกาะสมุย)
- จังหวัดสุรินทร์ (เฉพาะอําเภอเมืองสุรินทร์ และอําเภอท่าตูม)
- จังหวัดหนองคาย (เฉพาะอําเภอเมืองหนองคาย อําเภอ ท่าบ่อ อําเภอศรีเชียงใหม่ และอําเภอสังคม)
- จังหวัดอุดรธานี (เฉพาะอําเภอเมืองอุดรธานี อําเภอกุมภวาปี อําเภอนายูง อําเภอบ้านดุง อําเภอประจักษ์ศิลปาคม และอําเภอหนองหาน)