อัตราฉีด"วัคซีนโควิดเข็มกระตุ้นผู้สูงอายุ"ยังต่ำ ย้ำลดเสียชีวิต 31 เท่า
ทิศทางผู้ติดเชื้อ ป่วยหนัก และเสียชีวิตแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น กำชับก่อนสงกรานต์ 2565 เร่งรับวัคซีนโควิด19 เข็มกระตุ้น 3-4 โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ หลังพบเข็ม 3 ลดเสียชีวิตได้ 31 เท่า ขณะที่มีเพียง 7 จังหวัดฉีดเข็มกระตุ้นเกิน 70 %
ในการแถลงสถานการณ์โควิด19และการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ จากPCR จำนวน 21,088 ราย จากการตรวจATK 18,884 ราย โดยรวมผู้ติดเชื้อที่มีรายงานอยู่ที่ 30,000-40,000 ราย ทั้งนี้ ยังมีผู้ที่ติดเชื้อที่ตรวจแล้วผลบวกด้วยตนเองอีกจำนวนหนึ่ง โดยเฉลี่ยติดเชื้อประมาณ 50,000-60,000 รายต่อวัน ยังอยู่ในการคาดการณ์ของสธ. ผู้ป่วยปอดอักเสบ 1,862 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 781 ราย ยังมีทิศทางแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามทิศทางของจำนวนผู้ติดเชื้อ อัตราครองเตียงในภาพประเทศ 28.3 % ระบบบสาธารณสุชขยังรองรับได้ส่วนใหญ่แล้วอาการผู้ป่วยหนัก เมื่อเทียบกับเม.ย.2564 น้อยกว่ามาก แต่ประมาทไม่ได้ ถ้าไม่ติดเชื้อจะดีที่สุด
หากดูรายจังหวัดที่มีรายงานการติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง ยังเป็นจังหวัดใหญ่และหัวเมืองภาคต่างๆ ชลบุรี นครศรีธรรมราช สมุทรปราการ สมุทรสาคร นนทบุรี ระยอง สงขลา และมากที่สุดกทม.สถานการณ์ในขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อ ปอดอักเสบ และเสียชีวิตยังเป็นไปตามการคาดการณ์ โดยผู้ปอดอักเสบใส่ท่อช่วยหายใจตอนนี้อยู่ระหว่างเส้นคาดการณ์สีเหลือง(ระดับกลาง)และสีแดง(ระดับแย่ที่สุด) จะเห็นว่าทิศทางเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่เส้นคาดการณ์สีเหลือง ภาพรวมเพิ่มขึ้นช้าๆ เช่นเดียวกัน
“ทุกๆครั้งที่ผู้เสียชีวิตรายงานส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุและ มีโรคประจำตัว โดยเมื่อเวลานานเกิน 3 เดือนภูมิคุ้มกันจากวัคซีนจะค่อยๆลกลง ซึ่งในการระบาดของโอมิครอน การจะลดป่วยหนักและเสียชีวิต นอกจากมาตรการป้องกันส่วนบุคคลแล้ว คือ ได้รับเข็มกระตุ้น เพราะคนได้ วัคซีน 2 เข็มเมื่อเลาผ่าน ภูมิฯจะค่อยๆลดลง เพราะฉะนั้นการได้เข็มกระตุ้นเข็ม 3หรือเข็ม 4 จำเป็นมาก ในการลดเสียชีวิตโดยเฉพาะในกลุ่ม 608” พญ.สุมนีกล่าว
ผลการฉีดวัคซีนโควิด19 สะสมกว่า 130 ล้านโดส เป็นเข็มที่ 1 คิดเป็น 80.1 % เข็มที่2 คิดเป็น 72.5% และเข็มที่ 3 ขึ้นไป คิดเป็น 34.6 % ของประชากร เมื่อแยกดูกลุ่มเสี่ยง เป็นกลุ่ม 60 ปีขึ้นไป ได้รับเข็มที่ 3 อยู่ที่ 37.2 % ยังคงต้องขอความร่วมมือให้เข้ารับการฉีดวัคซีน รวมถึงผู้มีโรคประจำตัวมารับมากขึ้น โดยจังหวัดที่ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นกลุ่มเสี่ยง ได้มากกว่า 70 % ตามเป้า 7 จังหวัด คือ น่าน นนทบุรี สมุทราปราการ ภูเก็ต มหาสารคาม ลำพูน และชัยนาท แต่ยังมีหลายจังหวัดที่พยายามเร่งฉีดมากขึ้นและได้ มากกว่า 60 % เช่น เชียงราย แพร่ อยุธยา ชลบุรีและยโสธร เป็นต้น
ส่วนผลการฉีดในเด็กเล็ก 5-11 ปี เข็มที่ 1 คิดเป็น 45.7 % เข็ม 2 คิดเป็น 1.3 % ยังน้อย ขณะนี้ช่วงที่โอมิครอนระบาด มีรายงานเด็กติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง ช่วงปิดเทอมขอความร่วมมือผู้ปกครองพาเด็กเล็ก 5-11 ปีไปรับวัคซีนให้ได้มากขึ้น ช่วงนี้มีวัคซีนได้รับอนุมัติความปลอดภัยในเด็กเล็ก คือ วัคซีนเชื้อตาย ทั้งซิโนแวค ซิโนฟาร์ม วัคซีนmRNA เป็นไฟเซอร์ฝาสีส้ม โดยคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน มีมติเด็ก 5-11 ปีสามาถรับวัคซีนได้ 3 สูตร ประกอบด้วย สูตรแรก ไฟเซอร์ 2 เข็ม ห่างกัน 8 สัปดาห์ ,สูตรไขว้ ซิโนแวค/ซิโนฟาร์มเข็ม 1 และไฟเซอร์ฝาสีส้มเข็ม 2 ห่างกัน 4 สัปดาห์ และสูตรเชื้อตาย 2 เข็ม ห่างกัน 4 สัปดาห์ และรับเข็มกระตุ้นเป็นไฟเซอร์ ห่างจากเข็ม 2 ช่วง 4 สัปดาห์
“โดยสรุปทั้ง 3 สูตร จะเพิ่มภูมิฯได้ไวขึ้นคือ 2 สูตรหลัง เพราะมีระยะห่างระหว่าง 2 เข็ม แค่ 1 เดือน ถ้าเป็นไฟเซอร์ ห่างกัน 2 เดือน ทั้งนี้ พ่อแม่ผู้ปกครองพาไปฉีดวัคซีนสามารถสอบถามสถานพยาบาลใกล้บ้านมีวัคซีนตัวไหน สามารถฉีดได้ให้รีบไปฉีด จะได้ลดการป่วยหนักและเสียชีวิต”พญ.สุมนีกล่าว
พญ.สุมนี กล่าวด้วยว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเร่งรัดฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในผู้สูงอายุเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับเทศกาลสงกรานต์ โดยการวิเคราะห์ข้อมูลของผู้เสียชีวิต ตั้งแต่ 1ม..ค-31 มี.ค. 2565 พบว่า 78 % ของผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นผู้สูงอายุ จำนวน 2,701 ราย โดยประวัติการได้รับวัคซีน พบว่า 59 % ไม่ได้รับวัคซีน 29 % ได้รับวัคซีน 2 เข็ม 8 % ได้รับวัคซีน 1 เข็ม และ 4 % ได้รับวัคซีน 3 เข็ม
เทียบอัตราการเสียชีวติตามประวัติการได้รับวัคซีน พบว่า วัคซีนสามารถป้องกันผู้สูงอายุที่เสียชีวิตจากโควิดได้ดีมาก โดยผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 เข็มเสียชีวิตลดลง 5 เท่า ได้รับวัคซีน 3 เข็มเสียชีวิตลดลง 31 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มไม่ได้รับวัคซีน ส่วนผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็ม 4 ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ที่มีการรายงานเข็ม3ลดเสียชีวิตได้ 41 เท่า เป็นการตัดข้อมูลถึง 28 ก.พ.2565 ส่วนตอนนี้ที่ลดลงมาเป็น 31 เท่า เนื่องจากภูมิคุ้มกันเมื่อระยะเวลาผ่านไปจะลดลง จึงมีความจำเป็นที่คนได้รับเข็ม 3 เกิน 4 เดือนมารับเข็ม 4 ได้เลย
“สรุปการรับวัคซีนเข็มกระตุ้น เข็ม 3 ลดเสียชีวิต 31 เท่า ส่วนเข็ม 4 ยังไม่มีรายงานการเสียชีวิตเลย ดังนั้น หากได้รับเข็ม 2 เกิน 3 เดือน ให้รับเข็ม 3 และได้รับเข็ม 3 เกิน 4 เดือน เข้ารับเข็ม4 สามาถแจ้งสถานพยาบาลใกล้บ้านได้เลย เพื่อรับวัคซีนเข็มกระตุ้น ทั้งนี้ หลังรับเข็มกระตุ้น ภูมิฯจะขึ้นหลังจากรับวัคซีนแล้ว 2 สัปดาห์ ส่วนใหญ่ค่าเฉลี่ยภูมิคุ้มกันจะอยู่ที่ 3-6 เดือน และหลัง 3 เดือนภูมิฯจะลดลงอย่างชัดเจน เป็นที่มาควรได้รับเข็มกระตุ้น”พญ.สุมนีกล่าว
ช่วงสงกรานต์หยุดยาวมีแนวโน้มที่สถานการณ์มีโอกาสเพิ่มขึ้นไปอีก ดังนั้น มาตรการยังต้องให้ความสำคัญ คือ VUCA ได้แก่ V ควรฉีดวัคซีนและจำเป็นต้องได้เข็มกระตุ้น เพื่อลดอาการหนักและเสียชีวิต ,U ให้ระลึกเสมอว่าคนรอบตัวอาจจะมีคนติดเชื้อหรือเราเองได้รับเชื้อไม่มีอาการพาไปติดคนใกล้ชิดได้ ยังต้องเข้มมาตรการใส่หน้ากาก อยู่ห่าง ล้างมือ ไม่ไปสถานที่แออัด ไม่กินอาหาร ดื่มสุราร่วมคนมาก ,C มาตรการความปลอดภัยองค์กร(COVID Free setting) ควรมีการดำเนินการ เพราะมีการเปิดประเทศ และไม่ได้ล็อกดาวน์ หรืองดการทำงาน เพราะฉะนั้นมาตรการองค์กรจึงสำคัญ จัดสถานที่ในการทำงานไม่แออัด และสุ่มตรวจATKเป็นระยะเมื่อพบผู้ติดเชื้อจะได้เข้าสู่ระบบการรักษต่อไป