สงกรานต์นี้อย่าวางใจ แนะฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เพิ่มภูมิคุ้มกันโควิด-19
เนื่องจากใกล้ถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์แล้ว แต่สถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ยังไม่มีแนวโน้มลดลง บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า มีความห่วงใยทุกคน แนะให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นและเว้นระยะห่างปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด
ขณะที่กำลังเข้าสู่ไตรมาสที่สองของปี 2565 และเทศกาลสงกรานต์ วันหยุดยาวที่ทุกคนรอคอย แต่สถานการณ์และยอดผู้ติดเชื้อก่อโรคโควิด-19 ยังไม่มีแนวโน้มลดลง ซึ่งในขณะนี้พบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะจากสายพันธุ์โอมิครอนเป็นหลัก โดยสายพันธุ์นี้สามารถแพร่กระจายเชื้อได้ดีกว่าสายพันธุ์ที่ระบาดก่อนหน้า ซึ่งจากข้อมูลการศึกษาพบว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพียงแค่ 2 เข็ม ไม่เพียงพอต่อการป้องกันการติดเชื้อจากสายพันธุ์โอมิครอนได้ ถึงแม้สายพันธุ์โอมิครอนที่ระบาดอยู่ในขณะนี้จะมีอาการไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่นๆ แต่บรรดาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและกระทรวงสาธารณสุขก็ยังคงเดินหน้ารณรงค์และเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้กับประชาชน เนื่องจากยังคงมีอัตราการติดเชื้อและการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว และไม่ได้มีการกิจกรรมนอกบ้าน แต่ได้รับเชื้อจากคนใกล้ชิด หรือสมาชิกในครอบครัว
ทั้งนี้ พบว่า สัดส่วนของผู้สูงอายุที่รับวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือเข็มที่ 3 ยังน้อย มีแค่ 4.2 ล้านรายเท่านั้น จากจำนวนสัดส่วนของผู้สูงอายุที่รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 10 ล้านราย ทางกรมควบคุมโรคเผยว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในผู้สูงอายุ ช่วยลดการเสียชีวิตลงได้ถึง 41 เท่า เมื่อเทียบกับผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น
ห่วงโควิด หลังสงกรานต์ อาจมียอดผู้ติดเชื้อเกิน 50,000 ราย
จากสถานการณ์ดังกล่าว อาจเป็นไปตามที่คาดการณ์ว่าจะมีผู้ติดเชื้อสูงสุดถึง 50,000 ราย ในช่วงหลังสงกรานต์ ผู้บริหารแอสตร้าเซนเนก้า ผู้นำด้านชีวเภสัชภัณฑ์ของโลก หนึ่งในผู้ผลิตและส่งมอบวัคซีนโควิด-19 หลักของไทยและภูมิภาค นายเจมส์ ทีก ประธาน บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้ความเห็นในประเด็นนี้ว่า ในช่วงเทศกาลสำคัญอย่างเทศกาลสงกรานต์ เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข และเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่เดินทางกลับไปเยี่ยมครอบครัว จึงอยากขอให้ประชาชนใส่ใจดูแลสุขภาพของตนเองและสมาชิกในครอบครัว โดยเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นสร้างภูมิคุ้มกัน เตรียมตัวก่อนเดินทางกลับภูมิลำเนา ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามคำแนะนำและมาตรการ VUCA (V-วัคซีน ขอให้เข้ารับการฉีดวัคซีนและวัคซีนเข็มกระตุ้น U- ป้องกันตนเองสูงสุดตลอดเวลา C- COVID Safe Living ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย หลีกเลี่ยงจัดกิจกรรมเสี่ยง และ A-ตรวจ ATK กรณีที่มีความเสี่ยงต่อการรับเชื้อ) ของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อความปลอดภัย
"ทั้งนี้ การศึกษาประสิทธิผลของวัคซีนที่จากการใช้จริงทั้งในและต่างประเทศ พบว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 กระตุ้นเข็มที่ 3 ไม่ว่าจะเป็นชนิด mRNA หรือชนิด Viral Vector ก็ตาม สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อ การเจ็บป่วยหนักในระดับที่ต้องเข้าโรงพยาบาลและการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ได้สูง ในทุกสายพันธุ์ที่มีการระบาด รวมถึงสายพันธุ์โอมิครอน" นายเจมส์ ทีก กล่าวเพิ่มเติม
เสริมการป้องกันในกลุ่มเปราะบาง
นายเจมส์ ทีก กล่าวเพิ่มเติมว่า แอสตร้าเซนเนก้ายังคงเดินหน้าคิดค้นและนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ที่มีมาดูแลรักษาผู้ป่วยทุกคนให้ปลอดภัย ล่าสุด Evusheld ยาแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาวแบบผสม ได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับยาในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป สำหรับการป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 แล้ว โดยได้พัฒนายาดังกล่าวขึ้นเพื่อช่วยปกป้องกลุ่มประชากรที่เปราะบางและมีปัญหาเรื่องภูมิคุ้มกันบกพร่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม 607 ได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และกลุ่มผู้ป่วยโรครื้อรังที่มี 7 โรคประจำตัว ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดโรคโควิด-19 ทั้งนี้ ทางบริษัทฯ กำลังเร่งดำเนินการให้ยา Evusheld ได้รับการอนุมัติใช้ในประเทศไทยโดยเร็ว
"เชื่อว่าจะไม่มีใครปลอดภัยจนกว่าทุกคนปลอดภัย หนทางเดียวสู่การยุติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยคือ การที่คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ และมีภูมิคุ้มกันต่อโรคโควิด-19 ความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทุกคนถือเป็นกุญแจสำคัญ ที่จะช่วยให้ทุกคนปลอดภัย รวมถึงช่วยผลักดันให้เป้าหมายในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ภาวะที่โรคโควิด-19 จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น หรือ Endemic ของกระทรวงสาธารณสุขไทยบรรลุผลได้จริง" นายเจมส์ ทีก กล่าวปิดท้าย