สงกรานต์นี้ แนะบุตรหลานชวนผู้สูงอายุรับวัคซีน ลดเสียชีวิตถึง 31 เท่า
กรมควบคุมโรค แนะสงกรานต์นี้ บุตรหลานที่เดินทางกลับภูมิลำเนา ชวนผู้สูงอายุฉีดวัคซีน รับวัคซีนเข็มกระตุ้น ระบุวัคซีนเข็มกระตุ้นในผู้สูงอายุมีความจำเป็นมาก อัตราเสียชีวิตลดลงถึง 31 เท่า พร้อมจัดเตรียมวัคซีนโควิด 19 กระจายไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
วันนี้ (13 เมษายน 2565) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า วันนี้เป็น วันสงกรานต์ ถือได้ว่าเป็น วันขึ้นปีใหม่ไทย ลูกหลาน ญาติ พี่น้อง จะถือโอกาสกลับบ้านไปกราบไหว้ผู้ใหญ่ และเป็น วันผู้สูงอายุแห่งชาติ ประกอบกับสถานการณ์โรคโควิด 19 ที่กำลังระบาดในขณะนี้
พบว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุถึงร้อยละ 78 เป็นผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ร้อยละ 53 และได้รับเข็ม 2 เกิน 3 เดือนร้อยละ 33 ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ มีอาการหนักและเสียชีวิตได้
แนะลูกหลานชวนผู้สูงอายุรับวัคซีนเข็มกระตุ้น
จึงอยากชวนลูกหลานที่เดินทางกลับภูมิลำเนาใช้โอกาสนี้ พาผู้สูงอายุที่ยังไม่ไดรับฉีดวัคซีนหรือครบกำหนดการรับวัคซีนเข็มกระตุ้น ให้เข้ารับวัคซีนโควิด 19 ที่สถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขใกล้บ้านได้ทันที
กรมควบคุมโรคได้เริ่มจัดส่ง วัคซีนไฟเซอร์ฝาสีเทา 3 ล้านโดส ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2565 ไปยังทุกจังหวัดทั่วประเทศ และแต่ละจังหวัดได้กระจายวัคซีนไปยังทุก รพ.สต. ภายในวันที่ 12 เมษายน 2565
เช่น จังหวัดสระแก้ว จันทบุรี ระยอง ตราด สมุทรปราการ ชลบุรี ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา เชียงใหม่ แพร่ ลำพูน เชียงราย น่าน และ ลำปาง เป็นต้น ซึ่งแต่ละ รพ.สต. จะได้รับวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีเทา จำนวนแห่งละ 20 ขวด และวัคซีน แอสตร้าเซนเนก้าอีกแห่งละ 20 ขวด
ข้อดีของวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีเทา
- เป็นวัคซีนพร้อมใช้ไม่ต้องผสมน้ำเกลือก่อนฉีด
- สามารถเก็บในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ได้นานถึง 10 สัปดาห์ ทำให้ รพ.สต. มีความสะดวกในการบริการฉีดให้กับประชาชน
ย้ำวัคซีนเข็มกระตุ้นในผู้สูงอายุลดเสียชีวิต31 เท่า
ทั้งนี้ ในวันที่ 12 เมษายน 2565 กรมควบคุมโรคได้มีการจัดอบรมวิธีการใช้งานวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีเทาให้กับเจ้าหน้าที่ในหน่วยบริการสุขภาพทั่วประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมในการบริการประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ
นพ.โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า วัคซีนเข็มกระตุ้นในผู้สูงอายุมีความจำเป็นมาก เนื่องจากวัคซีนสามารถป้องกันผู้สูงอายุเสียชีวิตได้เป็นอย่างดี โดยพบว่าผู้สูงอายุที่ได้รับวัคซีนตั้งแต่ 2 เข็ม มีอัตราเสียชีวิตลดลง 5 เท่า หากได้กระตุ้นเข็มที่ 3 จะมีอัตราเสียชีวิตลดลงถึง 31 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ไม่ได้รับวัคซีน
เชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนที่ระบาดในขณะนี้สามารถแพร่เชื้อได้เร็ว การได้รับวัคซีนเพียง 2 เข็ม เมื่อเวลาผ่านไปภูมิคุ้มกันจะลดลง เมื่อติดเชื้ออาจมีอาการรุนแรง จึงจำเป็นต้องเข้ารับวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 หรือเข็ม 4 ซึ่งมีข้อมูลว่าช่วยลดการป่วยหนักและลดการเสียชีวิตได้ชัดเจน